นางสาวพฤกษา เอี่ยมธงทอง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการลงทุน
ตลาดหุ้นเอเชีย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ เปิดเผยว่า แม้แนวโน้มครึ่งปีหลัง 2564 ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวลงจากครึ่งปีแรก2564 สาเหตุจากเฟดเริ่มส่งสัญญาณลดคิวอีภายในปีนี้ และแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ เดลตา ที่สร้างความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไปทั่วเอเชีย
รวมถึงการปรับตัวลงของตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มร้านขายออนไลน์และร้านยา ยังคงได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลจีนคุมเข้ม โดยบลจ. อเบอร์ดีน คาดการณ์กำไรบนดัชนี MSCI AC Asia ex Japan (ดัชนีอ้างอิง) ปี 2564 จะปรับตัวลงจากตลาดคาดการณ์ ณ ครึ่งปีแรก2564 คาดจะเติบโต 33% ในปีนี้
ทั้งนี้แม้จะปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว แต่บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนหุ้นเอเชียในระยะยาว 3 ปีขึ้นไป เชื่อมั่นว่าภูมิภาคเอเชียในปี2565 เมื่อมีวัคซีนเข้ามาเพียงพอ ซึ่งจะทำให้ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียรวมถึงไทยสามารถกลับมาเริ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจและลดช่องว่างกับประเทศที่พัฒนาแล้วให้แคบลงได้
ขณะเดียวกันราคาหุ้นเอเชีย ค่าเฉลี่ย 12 month Forward P/E อยู่ที่15.9 เท่า ยังถูกกว่าเมื่อเทียบตลาดหุ้นสหรัฐที่ 20.3 เท่า โดยการลงทุนระยะยาว นับว่าเป็นโอกาสเข้าลงทุนรับผลตอบแทนที่ดีเมื่อตลาดฟื้นตัว ผ่าน 6 ธีมลงทุนหุ้นเอเชียแห่งอนาคต คือ กลุ่มบริโภคที่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การศึกษา บริการทางการเงิน ,ธุรกิจก่อสร้างที่เติบโตตามความต้องการใช้โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ,ธุรกิจสุขภาพ,หุ้นอนาคตดิจิทัล ,ธุรกิจขับเคลื่อนเทคโนโลยี เช่น 5G บิ๊กดาต้า และพลังงานทดแทน โดยเลือกลงทุนบริษัทที่มีสถานะเงินสดที่ดีและมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ระดับสูง รับมือกับความไม่แน่นอนระยะสั้นได้ดีที่สุด
นางสาวพฤกษา กล่าวว่า บริษัทในฐานะนักลงทุนระยะยาว ยังคงกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นเอเชีย โดยบริษัทยังคงให้ความสนใจกับบริษัทที่มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการได้ประโยชน์จากการเติบโตเชิงโครงสร้าง ทำให้ปัจจุบันผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นเอเชียของบริษัท สามารถมีผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด แม้ปัจจุบันตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง4.5%ก็ตาม
พร้อมกันนี้แนะนำนักลงทุนไทยว่า สามารถแบ่งกำไรจากการลงทุนหุ้นยุโรปและสหรัฐที่ราคาปรับตัวขึ้นมา โยกมาลงทุนหุ้นเอเชียสัดส่วน20-30 %ของพอร์ต รับผลตอบแทนที่ดี 3 ปีขึ้นไป จากการกระจายลงทุนหุ้นทั่วเอเชีย เช่น จีน อินเดีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย เป็นต้น