นายสลิล จารุจินดา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกำกับดูแล บริษัท
ไทยคม จํากัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.64 บริษัทได้รับหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แจ้งว่า กสทช . ได้มีมติอนุญาตให้บริษัทฯ ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม จำนวน 10 ข่ายงานดาวเทียม ซึ่งรวมถึงวงโคจรที่ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ใช้อยู่จนถึงวันที่ 10 ก.ย.64 (วันสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน)
โดยบริษัทใคร่ขอเรียนว่า ตามข้อเท็จจริงแล้ว ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ไม่ใช่ดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารฯ (สัญญาสัมปทาน) เพราะ เป็นการดำเนินการภายใต้ระบบใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ดังนั้น สิทธิการใช้วงโคจรดังกล่าวจึงมิได้เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาสัมปทาน
บริษัทจึงได้มีหนังสือขอให้ กสทช. พิจารณาทบทวนมติดังกล่าวเพื่อให้สิทธิในการใช้วงโคจรเป็นไปตามอายุใบอนุญาตการให้บริการโทรคมนาคมที่อนุญาตโดย กสทช. หรือตามอายุของดาวเทียม แต่ กสทช. ก็มีหนังสือถึงบริษัทฯ แจ้งว่า กสทช. พิจารณาแล้วยืนยันตามมติเดิม หากบริษัทฯ ไม่เห็นด้วยสามารถใช้สิทธิโต้แย้งโดยฟ้องที่ศาลปกครองได้
ดังนั้น บริษัทจึงได้ดำเนินการยื่นคำฟ้องขอเพิกถอนมติดังกล่าวต่อศาลปกครองกลาง และยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของ กสทช.และกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว และเมื่อวันที่ 9 ส.ค.64 ศาลปกครองกลางไต่สวนคำร้องแล้ว โดยเรียก บริษัทฯ และ กสทช. เข้ามาไต่สวนและ ได้มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับของมติของ กสทช. ดังกล่าว โดยให้ บริษัทฯ มีสิทธิในการใช้วงโคจรและข่ายงานดาวเทียมที่เกี่ยวข้องต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ดังนั้น บริษัทจึงยังคงมีสิทธิใช้วงโคจรดาวเทียมและให้บริการดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 และข่ายงานดาวเทียมที่เกี่ยวข้อง ได้ตามปกติต่อไป จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น