โซเชียลฯ วิจารณ์ "
มิ้นท์ ไอโรมอะโลน" เจ้าของเพจดังไปทำคอนเมนต์อัฟกานิสถาน ทั้งๆ ที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม เจ้าตัวบอกไม่ต้องห่วง คนที่นั่นดูแลดีมาก พบเจ้าตัวตอบกวนประสาททูตไทยที่ดูแลพื้นที่ทวีปแอฟริกาอีก
วันนี้ (30 ก.ค.) ในโลกทวิตเตอร์ได้มีแฮชแท็ก #IRoamAlone วิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ มิ้นท์ ไอโรมอะโลน หรือ น.ส.มณฑล กสานติกุล เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ I Roam Alone เดินทางไปทำคอนเทนต์ที่ประเทศอัฟกานิสถาน ปรากฎว่าเจ้าตัวโพสต์ข้อความ ระบุว่า "อัพเดท ตาลีบันโจมตีใกล้ๆ สนามบินในเมืองที่อยู่ ตอนนี้ไฟล์ทแคลเซินหมดละค่ะ พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ยังไง น้องๆไกด์ผู้หญิงที่อยู่กับมิ้นท์กังวลมาก เพราะตาลีบันใกล้เข้ามาเเล้ว ถ้ามาเมื่อไหร่เธอบอกว่า 'ชั้นฆ่าตัวตายดีกว่า'
ไม่ต้องห่วงมิ้นท์ คนอัฟกันดูแลมิ้นท์ดีมาก นี่ก็มานอนพักเล่นอยู่บ้านแม่ของน้องโซมาย่าไกด์มิ้นท์
วันนี้คนจำนวนมากวางแผนย้ายออกแล้วนะคะ เร่งทำวีซ่ากันเยอะมาก ตลาดมืดวีซ่ามีราคาเป็นแสน เดือนหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ก็มีอีกหลายคนนะที่ยืนยันว่าตาลีบันเข้ามาไม่ได้แน่ๆ และยังสบายๆ อยู่ ไม่มีอะไรคาดเดาได้เลย
คำถามที่ว่าทำไมที่นี่เป็นประเทศที่คนมีความสุขน้อย ก็เป็นเพราะมันไม่มีความปลอดภัย ชีวิตไม่แน่นอน มีสงครามที่เกิดขึ้นตลอดเวลา อาชีพไม่มี เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลคอรัปชั่น และมีการแทรกแซงจากต่างประเทศโดยตลอด....
แค่คนไม่กี่คนที่ต้องการอำนาจ ทำชีวิตคนมากมายพังทลาย"
ต่อมา เจ้าตัวโพสต์ข้อความ ระบุว่า "อัพเดท ตอนนี้ได้ติดต่อกับเพื่อนในสถานทูตอัฟกานิสถานให้เขาเช็คสถานการณ์ให้แล้ว บอกว่าไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่มีอะไรรุนแรง และอีก 2-3 วันเครื่องบินจะกลับมาบินตามปกติ ในเมืองทุกอย่างยังโอเคนะคะ สงบกริ๊บ
ตอนนี้มีติดต่อคนรู้จักที่จะช่วยเราได้หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจริงๆไว้แล้ว แต่เขาเองก็บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล ยังทรงๆอีกซักพัก ไกด์คนที่ทำงานด้วยก็ทำงานกับหลายคนที่มิ้นท์รู้จักและไว้ใจได้ ส่วนแม่ตอนโทรไปหา แม่ก็เล่าข่าวให้ฟังตามปกติ ไม่ได้ตกใจอะไร ไว้ใจลูกสาวมากๆ
ต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ เมื่อวานตกใจนิดหน่อยเหมือนกัน เพราะโซมาย่าเองตกใจ แต่พอเริ่มเช็คข่าวได้ก็เลยทราบว่ายังไม่มีอะไรรุนแรง
สถานการณ์ปัจจุบันสำหรับมิ้นท์ยังไม่น่ากลัว แต่คนที่มิ้นท์ห่วงจริงๆคือคนที่นี่ โดยเฉพาะไกด์สาวๆของมิ้นท์ ที่เขาก็ไม่อยากอยู่กันแล้ว แต่การย้ายมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น
หลายคนถามมาว่าทำไมถึงเสี่ยงไปอัฟกานิสถาน?
เพราะเวลานี้การมาที่นี่ยังไม่เสี่ยงขนาดนั้น ก่อนจะมามิ้นท์ทำการบ้านมาดีมากเลย เช็คข่าว เช็คคนท้องถิ่น เช็คนักเดินทางที่เพิ่งกลับ ทุกคนบอกว่ายังมาได้ เลยตัดสินใจมา ถ้ามาไม่ได้ก็คงไม่มา
จริงๆ ทุกครั้งที่เดินทาง มันไม่ใช่การตัดสินใจไปปุบปับ ทุกครั้งมันผ่านกระบวนการคิด การทำการบ้านมาอย่างดีที่สุดแล้ว หาข้อมูลแล้ว ประเมินความเสี่ยง เช็คสิ่งที่ต้องเช็ค และคุยกับคนที่ต้องคุยแล้ว
ดังนั้นเหตุการณ์ที่อัฟกานิสถานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจมาก อาจจะตกใจนิดหน่อยที่ไฟล์ทถูกแคลเซินและที่โซมาย่าตกใจมากๆ แต่พอเช็คข่าวกับคนที่เรารู้จักแล้วก็รู้ว่ายังไม่มีอะไรน่าห่วง
มิ้นท์ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วง และขอบคุณทุกคนมากๆจริงๆ
อัฟกานิสถานฟังดูน่ากลัวสำหรับหลายคน แต่คนรอบตัวมิ้นท์ก็มีเดินทางมากันตลอด คงเป็นเพราะแต่ละคนมีการจัดการและประเมินความเสี่ยงที่ต่างกันตามประสบการณ์ที่มี
มิ้นท์พูดเสมอโดยเฉพาะกับคนที่อยากเดินทางตามเราว่า การเดินทางก็เหมือนการเรียนมันต้องค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากไปแบบอนุบาลก่อน สอบผ่านแล้วก็ไปประถม มัธยม ปลดล๊อคค่าประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เป็นแบบนี้กับการทำงานด้วยเนอะ มันเป็นการสะสมสกิลค่ะ
จนถึงวันนี้มิ้นท์เดินทางคนเดียวมา 10 ปีแล้ว จากประเทศง่ายๆ ค่อยๆเพิ่มความยากไปทีละนิด อย่างอินเดียมิ้นท์ไปกับน้องช่างภาพก่อน 2 ครั้ง จนรู้สึกมั่นใจเลยกล้าตัดสินใจไปคนเดียว และตอนนี้ก็ไปคนเดียวมาหลายครั้ง
กว่าจะมาถึงอัฟกานิสถาน เราเดินทางผ่านมาหลายประเทศที่ทุกคนฟังแล้วส่ายหน้า จะโคลอมเบีย เวเนซุเอลา คองโก ซูดาน และอีกมากมาย ฟังดูน่ากลัวจากข่าวสารด้านนอกเสมอแต่พอได้ไปจริงๆทุกครั้งมันก็ไม่เป็นแบบในข่าวเลย เพราะทุกครั้งเราทำการบ้านอย่างดี และไปอย่างมีสติเสมอ
อัฟากานิสถานปัจจุบันก็เช่นกัน ในเมืองยังโอเคมากๆ อาจจะมีขลุกขลักบ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมช่วงนี้ยังมาได้ และคนกลับมาเยี่ยมบ้านกันเยอะเลย
จริงๆทุกที่และทุกสิ่งเกิดอันตรายได้เสมอถ้าเราไม่พร้อมและไม่มีสติ
เราไม่เคยดื้อ ทำอะไรห่ามๆ หรือทำสิ่งที่จะทำให้คนอื่นและตัวเองตกอยู่ในอันตราย และแม่ก็รู้เรื่องนี้ดี
ส่วนถ้าถามว่าแม่ไม่ห่วงบ้างหรอ ทำไมทำอะไรไม่คิดถึงที่บ้าน?
แม่พูดตลอดว่าแม่เป็นห่วงมิ้นท์เสมอ อยู่กรุงเทพก็ยังห่วง แต่ในความเป็นห่วงแม่ก็สนับสนุนให้เราได้ทำสิ่งที่ชอบ ไม่อย่างนั้นวันนี้ก็ไม่มี I Roam Alone
ความรักของแม่ คือ ความรักที่ต้องปล่อย ไม่ใช่ความรักที่เก็บเขาเอาไว้ หรือใช้ความห่วงเป็นโซ่คล้องไม่ให้เขาไปไหน ที่แม่ทำได้ คือ ให้อาวุธลูกไว้ดูแลตัวเอง เพราะยังไงซะแม่ก็ไม่สามารถปกป้องลูกได้ตลอดชีวิต
และแม่ก็ทำแบบนั้นจริงๆ
แม่ค่อยๆให้มิ้นท์เริ่มเดินทางตั้งแต่เด็ก ค่อยๆสอน ให้เราปรับตัว ให้เราค่อยๆเจอปัญหา โดยแม่ก็คอยมองดูและคอยรับโทรศัพท์ตลอด จนเขารู้ว่าเราไหว ไว้ใจว่าเราเอาตัวรอดได้และจะไม่ทำสิ่งที่จะทำให้ตัวเองเป็นอันตรายแน่นอน
ดังนั้นวันนี้พอโทรบอกแม่ว่า 'สถานการณ์โอเค ไม่ต้องห่วง' เท่านี้แม่ก็โอเค ส่วนอาม่าถ้าแม่บอกว่าโอเค อาม่าก็โอเค
ระหว่างมิ้นท์ แม่ และอาม่า มันคือความไว้ใจและความเชื่อใจที่มีต่อกันมาโดยตลอด เรารู้ว่าอีกฝ่ายตัดสินใจดีแล้ว คิดมาดีที่สุดแล้ว นี่คือความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดในชีวิตมิ้นท์เลยนะ เป็นความโชคดีที่เรามีแม่ที่เข้าใจและเคียงข้างทุกการตัดสินใจเสมอ
ไว้รอมาฟังเรื่องเล่าที่อัฟกานิสถานของมิ้นท์ดีกว่า ประเทศนี้ติดอันดับประเทศในดวงใจแล้วค่ะ ในประเทศแบบนี้แหละ ที่เราจะได้เจอมิตรภาพ เรื่องราวและประสบการณ์ที่ทำให้การเดินทางมีความหมาย
ป.ล. ชุดแต่งงานที่นี่หวานมากๆ สถานที่แต่งงานอลังการ คนเป็นพันเลยค่ะ
อย่างไรก็ตาม ในทวิตเตอร์ได้วิจารณ์มิ้นท์ไปในทางที่หลากหลาย บ้างก็สงสัยว่าไปประเทศอัฟกานิสถานทำไม ทั้งๆ ที่ในขณะนี้อยู่ในภาวะสงคราม เสี่ยงอันตรายต่อการถูกจับเรียกค่าไถ่ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับชาวญี่ปุ่น บางคนแนะว่าถ้าจะทำคอนเทนต์ที่สื่อถึงความยากลำบาก ให้กลับมาทำประเทศตัวเอง ที่ในขณะนี้ลำบากไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ ในโซเชียลฯ ยังวิจารณ์กรณีที่นายจุฑา เสาวภา เลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ถามมิ้นท์ว่า "ติดต่อสถานทูตอัฟกานิสถานคืออะไรนะครับ สถานทูตไทยไม่มีที่อัฟกานิสถานนะครับ หรือสถานทูตไทยที่อื่นที่ดูแลคนไทยในอัฟกานิสถาน หรือสถานทูตอัฟกานิสถานในต่างประเทศ" ปรากฎว่า มิ้นท์ตอบไปว่า "สถานทูตอัฟกานิสถานในต่างประเทศที่เช็กข่าวได้ค่ะ จะติดต่อสถานทูตไทยทำไมคะ" โดยวิจารณ์ว่าเจ้าตัวไปกวนประสาททูตไทยที่ดูแลพื้นที่ทวีปแอฟริกา