͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เดินหน้าทำกฎหมายลำดับรองรับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ  (อ่าน 168 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Prichas

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12494
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้แต่งตั้งตนเป็นประธานคณะทำงานพิจารณากฎหมายลำดับรองที่สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ..นั้น เมื่อเร็วๆนี้ คณะทำงานฯ ได้พิจารณากฎหมายลำดับรอง ที่เป็นกฎหมายหลัก 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งก่อนหน้านี้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศธ.ได้แต่ตั้งคณะทำงานศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ...ไว้จำนวน 10 คณะ โดยในส่วนการปรับปรุง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เป็นเจ้าภาพหลัก นั้น ได้มีการพิจารณาร่างแก้ไขในเบื้องต้นไปบ้างแล้ว โดยคณะทำงานฯ ได้ตั้งข้อสังเกตให้ไปปรับปรุงในเรื่องขององค์คณะบุคคล และอำนาจการบริหารงานบุคคลบางประการมาอีกครั้ง

เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ประชุมคณะทำงานฯได้มอบหมายให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และกรรมการอีกชุดหนึ่ง ไปดูเรื่องโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งนางสาวตรีนุช ได้มอบนโยบายเป็นหลักการไว้ว่า ในส่วนของโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงมาก เพื่อให้กระทบน้อยที่สุด หรือไม่กระทบได้ยิ่งดี เพราะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจะกระทบกับบุคลากรจำนวนมาก และจะส่งผลต่อกระบวนการจัดการศึกษา โดย รมว.ศธ.มีนโยบายการจัดการศึกษาที่เน้นไปที่คุณภาพของผู้เรียน ดูเรื่องการพัฒนาการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนของครูในโรงเรียน การดูแลความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสำคัญ การปรับปรุงเรื่องหลักสูตร ดูแลเรื่องพัฒนาการอาชีวศึกษา การศึกษานอกโรงเรียนของผู้สูงวัย การศึกษาตลอดชีวิต การศึกษาของเอกชน และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นี้ จะทำให้การเรียนออนไลน์มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เป็นต้น  

ดร.อำนาจ กล่าวด้วยว่า คณะทำงานฯ ยังได้หารือถึงการจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ เป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับของรมว.ศธ. มีฐานะเป็นนิติบุคคล ที่ไม่เป็นส่วนราชการ ซึ่งในมาตรา 105 ของร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ระบุว่า ในวาระเริ่มแรกเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ใช้บังคับ ให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ทำหน้าที่เป็นสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้  เพื่อทำหน้าที่พัฒนาหลักสูตรในช่วงเปลี่ยนผ่าน ดังนั้น คณะทำงานฯ จะประสานงานกับ สสวท.และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน( สพฐ.)ก่อนหารือ รมว.ศธ.ว่าอาจจะออกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้  ซึ่งจะมีการหารือในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมการปรับปรุง แก้ไข และจัดให้มีกฎหมายลำดับรองอย่างน้อย 10 ฉบับ โดยดำเนินการคู่ขนานไปกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ...ซึ่งขณะนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว.