ศบค. รายงาน จังหวัดยะลาและปัตตานี พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ผ่านการสัมผัสต่อกันถึง 3 ทอด เริ่มจากการร่วมดาวะห์ในต่างประเทศ ก่อนเกิดการสัมผัสและติดเชื้อต่อๆ กัน
วันที่ 14 เม.ย. 2563 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (
โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงการรายงานจากทีมระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กรณีผู้ป่วยโควิด-19 ใน 4 จังหวัดภาคใต้ ที่คนไทยกลุ่มดาวะห์ (พิธีทางศาสนา) เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และปากีสถาน รวมถึงพิธีทางศาสนาที่บันนังสตา ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. - 12 เม.ย. 2563
ยะลา 82 ราย เริ่มมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ 16 มี.ค. จนถึง 12 เม.ย. นั้น จากการสอบสวนโรคมีผู้ป่วยติดเชื้อการร่วมดาวะห์, จากการสัมผัสผู้ไปร่วมดาวะห์ และยังติดเชื้อจากผู้ที่ไปสัมผัสผู้ร่วมดาวะห์อีกทอดหนึ่ง หรือ เป็น 3 ทอด
สงขลา 56 ราย เริ่มมีผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 20 มี.ค. โดยมีผู้ป่วยติดเชื้อจากการไปร่วมดาวะห์ และการสัมผัสผู้ไปร่วมดาวะห์
นราธิวาส 28 ราย เริ่มมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ 16 มี.ค. ผู้ป่วยติดเชื้อจากการร่วมดาวะห์ และสัมผัสผู้ไปร่วมดาวะห์
ปัตตานี 77 ราย เริ่มมีผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 17 มี.ค. มีทั้งผู้ป่วยติดเชื้อการร่วมดาวะห์, จากการสัมผัสผู้ไปร่วมดาวะห์ และยังติดเชื้อจากผู้ที่ไปสัมผัสผู้ร่วมดาวะห์อีกทอดหนึ่งเช่นเดียวกับยะลา
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการสัมผัสต่อกันจนติดเชื้อโควิด-19 แล้ว อีกสาเหตุหนึ่งของผู้ป่วยยังมาจากการไปในสถานที่แออัดด้วย ทั้งนี้ โฆษก ศบค. กล่าวว่า การนำเรื่องนี้มารายงานเพื่อให้ทุกคนได้รับทราบว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการสืบหาผู้ติดเชื้อเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการช่วยเหลือคนทุกกลุ่มทุกศาสนา.