วันที่ 30 มี.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์ ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์
โควิด-19 ประจำวันที่ 30 มี.ค. ว่า วันนี้ เริ่มด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวว่า ต้องให้ความสำคัญการเสนอข้อมูลข่าวสารถึงประชาชน และให้ความสำคัญในการอยู่ห่างทางสังคม ในทุกระดับ จนถึงระดับครอบครัว ยังได้กล่าวการทำงานในทุกเรื่องหาข้อมูล มาให้หัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนบอกกล่าวประชาชน วันนี้เรามีประเด็นนำเสนอ 3 ด้าน
1.เรื่องการกระจายตัวของเชื้อโควิด-19 ยังคงเดิม ได่แก่ ภูเก็ต-3 จังหวัดชายแดนใต้-ชลบุรี นายกฯ ย้ำ ตอนนี้ก็อย่าชะล่าใจ แม้ตัวเลขคนติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ไม่ได้พุ่งขึ้นมากมายนักในขณะนี้ เมื่อไทยเปรียบเทียบกับสหรัฐฯ จีน อิหร่าน ที่ยอดคนติดเชื้อพุ่งสูง ของไทยเราก็ยังน่าพอใจอยู่บ้าง ขณะในกลุ่มอาเซียนเรายังมีน้อยกว่ามาเลเซีย
"ขอเน้นย้ำติดเชื้อรายใหม่จากต่างจังหวัดมากกว่า กทม. ตั้งแต่ 21 มี.ค.เป็นตั้นมา มาตรการเข้มข้นภูเก็ต ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ยังคุมเข้มอยู่อย่างเต็มที่ ปิดสถานที่เสี่ยงกว่า 2,500 แห่ง งดออกไปที่ชายหาดเด็ดขาดแล้ว" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ขณะผู้บัญชาการทหารสูงสุด เสนอว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา เสาร์ที่ 28 มี.ค. เมื่อเปรียบเทียบเสาร์ก่อนหน้านั้น ตัวเลขโดยสารรถประจำทาง รถส่วนบุคคล รถไฟฟ้า หรือทางน้ำ ลดลง 40% แต่ก็ยังต้องขอความร่วมมือประชาชนต้องลดลงการสัญจรได้ถึง 80% ถึงได้ผล
นพ.สุขุมกาญจนพิมาย ปลัดสาธารณสุข กล่าวถึงการดำเนินการของ สธ. เราพบพฤติกรรมคนไทยมีการเปลี่ยนแปลง จากการสำรวจ 71% หลีกเหลี่ยงการไปที่แออัด หลีกเลี่ยงใกล้ชิด 93% เรายังต้องทำมาตรการให้มากขึ้นไปอีก การกระจายหน้ากากอนามัย วันนี้ 30 มี.ค. เราเพิ่มการกระจายหน้ากากอนามัยจากเดิม จำนวนอีกกว่า 1.3 ล้านชิ้น
สิ่งที่เรากังวล ว่า รพ.จะขาดแคลนหน้ากาก N95 เราเคยซื้อจากอเมริกา ตอนนี้เราต้องมีการจัดสรร เราได้ติดต่อบริษัท 3M จากอเมริกา ส่วน บ.ที่ผลิตหน้ากากอนามัยในไทย เขามีความยินดีส่งให้เรา 1 แสนชิ้น ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สธ. ได้ติดต่อจีนโดยตรงขอซื้อหน้ากาก M95 โดยเขาตกลงจะขายให้ 1.3 ล้านชิ้น เราเตรียมไว้กับผู้ป่วยเท่านั้น ส่วนจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยยังมีเพียงพอ ส่วนของบริจาคจากจีน รัฐได้กระจายของลงไปในพื้นที่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ ส่วนยารักษาต้านไวรัส ยืนยัน การขาดยาคงไม่มี แต่เราจะจ่ายให้เฉพาะผู้ที่ป่วยจริงๆ
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดพาณิชย์ แถลงเรื่องหน้ากากอนามัย ตอนแรกไทยกำลังผลิตวันละ 1.2 ล้านชิ้น ตัวเลข 200 ล้านชิ้น ก่อนหน้านี้นั้น ยืนยันเป็นข้อมูลคลาดเคลื่อน เพราะหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากเขียว ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ส่วนที่เป็นไส้กรอง หรือฟิลเตอร์ ส่วนนี้ต้องนำเข้าต่างประเทศอย่างเดียว ซึ่งวันนั้นบริษัทผลิตหน้ากากอนามัยยืนยัน หากไม่มีการนำเข้ามาเลย สามารถผลิตได้ 200 ล้านชิ้น ดังนั้นเราไม่ได้มีการส่งออกหน้ากากอนามัยไป 200 ล้านชิ้น วันนี้เรามีกำลังการผลิต 36 ล้านชิ้นต่อเดือน แต่มีคนต้องการใช้ 30 ล้านชิ้น เวลานั้นพี่น้องประชาชนต้องการซื้อหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาก ทำให้บุคลากรทางการแพทย์จึงขาดแคลน เราจึงบังคับให้ผู้ผลิตต้องส่งของมาให้เราบริหารจัดการ 50% ทำให้ของขาดแคลน เมื่อนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงต้องออกประกาศเอาหน้ากากอนามัยทั้งหมดมาบริหารจัดการ ถึงวันนี้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 2.3 ล้านชิ้นต่อวัน จากเดิม 1.2 ล้านชิ้น คิดง่ายๆ ว่า 1 ต่อ 28 คน เราจึงเปลี่ยนวิธีการจัดการใหม่ คือเน้นให้คนที่มีความเสี่ยงสูงสุด โดยให้กระทรวงมหาดไทยจัดการ จัดสรร ให้กับกลุ่มคนที่ต้องการก่อน โดย มท.จะเป็นผู้จัดสรรหน้ากากอนามัยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้มีการทบทวน หลังมีการประกาศ เห็นว่ามีความน่าพอใจ แม้ยังไม่พอใจเต็มที่ แม้มีส่วนน้อยทำให้เสียหายได้ ไม่งั้นวันหนึ่งเราอาจต้องดำเนินการเพิ่มความเข้มมาตรการได้ ขอให้เน้นเรื่องการอยู่ห่างทางสังคม กิจกรรมสังสรรค์ก็เช่นกัน ควรที่จะงดการสังสรรค์ อย่างน้อยก็ควรงดกิจกรรมการชกมวย โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ ขอความกรุณา งดการถายทอดการชกมวยดังกล่าว แม้จะไม่มีเปิดให้คนดู ก็ไม่ควร ขณะที่ วิน จยย.ก็อันตรายมาก เพราะยังมีการติดต่อสื่อสารบอกทางระหว่างผู้โดยสารกับคนขับขี่ การใส่บาตรพระก็เป็นจุดอันตราย เหมือนกัน ทั้งพระสงฆ์และคนใส่บาตรก็อันตราย การทำวัตรของพระสงฆ์ ก็เช่นกัน กองถ่ายละครโทรทัศน์ ซึ่งมีคนไปอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ต้องหาทางป้องกัน ด้วย
