จะกู้บ้านแล้วติดแบล็คลิสต้องทำยังไง?
เมื่อจะซื้อบ้าน ส่วนใหญ่จะทำเรื่องขอกู้บ้าน หรือขอสินเชื่อบ้านจากธนาคาร โดยที่หลายคนไม่ได้ซื้อบ้านเป็นอย่างแรก อาจมีการผ่อนอย่างอื่นอยู่ก่อน เช่น รถ คอนโด เป็นต้น ซึ่งอาจะจะมีหลายคนกังวลว่าจะขอสินเชื่อไม่ผ่าน หรือ ติดแบล็คลิส ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่า การติดแบล็คลิสคืออะไร ถ้าเรามีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้ติดแบล็คลิส (เพิ่มเติมที่ :
https://www.plus.co.th/articles/PLUS-2362/ติดแบล็คลิสต์Blacklist-คืออะไร-ความเข้าใจผิดที่ควรทราบ) แล้วจะสามารถทำยังไงต่อไปได้ ไปดูกันเลย!
ติดแบล็คลิส คือการที่บุคคลนั้นมีประวัติการชำระเงินที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง เลยวันเวลา เลยระยะเวลาที่กำหนด นานหลายงวด พูดง่าย ๆ คือ การที่ผิดนัดชำระหนี้ตามวันเวลาที่กำหนด ค้างจ่ายนาน จนถูกบันทึกข้อมูลการค้างชำระหนี้ไว้โดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) ซึ่งทำหน้าที่ในการเก็บข้อมูลประวัติ รวบรวม และประมวลผลข้อมูลสินเชื่อของลูกค้าสถาบันการเงิน หรือเรียกกันว่าติดแบล็คลิสเครดิตบูโรนั้นเอง โดยเครดิตบูโรไม่ได้มีหน้าที่ขึ้นบัญชีหรือติดแบล็คลิสเอง แต่ได้รับข้อมูลมาจากสถาบันทางการเงินที่เป็นสมาชิกส่งให้
ติดแบล็คลิสแล้วส่งผลยังไง
เมื่อเราอยู่ในรายชื่อผู้ติดแบล็คลิสจะส่งผลให้เมื่อมีการขอสินเชื่อใหม่ อาจจะไม่ได้รับอนุมัติ เนื่องจากสถาบันการเงินเข้าไปตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ จากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) ภายใต้ขอบเขตกฎหมายที่กำหนด เพื่อประเมินว่าสมควรอนุมัติปล่อยสินเชื่อหรือปล่อยกู้นั้นหรือไม่ โดยถ้าหากสถาบันทางการเงิน
เช็คแบล็คลิส แล้วพบว่าผิดนัดชำระหนี้อยู่บ่อยครั้ง หรือมีการพักชำระหนี้บ่อยครั้ง ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้คิดว่ามีโอกาสสูงที่เมื่อปล่อยเงินกู้หรือสินเชื่อไปแล้วจะไม่ใช้คืน หรือเรียกสั้น ๆ ว่าไม่มีเครดิตนั้นเอง
ติดแบล็คลิสแล้วต้องทำอย่างไร
เมื่อติดแบล็คลิสแล้ว ถ้าอยากให้เครดิตกลับมาก็มีทางทำได้ นั่นคือ พยายามเคลียร์หนี้ที่มีอยู่ให้หมด โดยปกติทางเครดิตบูโรจะเก็บประวัติย้อนหลังเป็นเวลา 36 เดือนจากงวดล่าสุด โดยจะบันทึกตั้งแต่งวดแรกที่ผิดชำระ และจะแสดงผลว่าค้างชำระแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดยมีกำหนดจำนวนวันเพิ่มเข้ามาด้วย และจะเพิ่มจำนวนวันขึ้นเรื่อย ๆ หากยังไม่มีการชำระหนี้ โดยเมื่อมีการชำระหนี้เข้ามา ก็จะถูกนำไปหักลบกับหนี้ก้อนที่เก่าที่สุดก่อน เมื่อเราชำระหนี้ตรงเวลาก็จะถูกบันทึกเข้าเป็นประวัติใหม่แทนที่ประวัติเก่าที่มีอยู่ เมื่อชำระหนี้ตรงเวลาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ 3 ปี ประวัติก็จะกลับมาน่าเชื่อถือเช่นเดิม
เช็คแบล็คลิสทำได้ยังไง
เนื่องจากเดี๋ยวนี้มีแอปพลิเคชัน ทำให้การเช็คผลง่ายกว่าเดิม สามารถเช็คได้ง่าย ๆ ในแอปพลิเคชันของหลายธนาคาร เช่น แอปธนาคารกรุงศรี แอปธนาคารกรุงไทย แอปธนาคารธนชาต หรือสามารถขอตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเองได้ที่ไปรษณีย์ไทย หรือเคาน์เตอร์ธนาคาร หรือผ่านตู้ ATM และผ่านจุดให้บริการอื่น ๆ อีกหลายแห่ง
