͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีในการเลือกหัวขับลม กระบอกลม และเกจวัดแรงดัน  (อ่าน 28 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Chanapot

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14700
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
หัวขับลม
SIRCA Pneumatic actuator หัวขับลม SIRCA
ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเลือกขนาดแอคทูเอเตอร์
1)ทราบว่าแรงบิดที่แท้จริงของวาล์วหรืออุปกรณ์อื่นๆจะเป็นแบบอัตโนมัติ โดยพิจารณาถึงสัมประสิทธิ์ความปลอดภัย (SIRCA แนะนำอย่างต่ำ 25%) แรงบิดของวาล์ว (แนะนำความปลอดภัยอย่างน้อย 25%)
2) ตัดสินใจว่าตัวควบคุมจะต้องทำหน้าที่สองครั้งหรือสปริงกลับ - การทำงานแบบ Double Act หรือ Spring Return
3) ทราบแรงดันอากาศจริงที่พร้อมใช้งาน - แรงดันใช้งานอย่างต่ำที่ใช้ได้ HOW TO SIZE แอคทูเอเตอร์คู่ (DA) - การเลือกแอคทูเอเตอร์คู่ (DA) ขนาดของแอคทูเอเตอร์แบบดับเบิลแอคทูเอเตอร์นั้นง่ายอย่างยิ่ง ควรต้องทราบแรงบิดที่ต้องการของวาล์วที่เพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 25%) และก็ความกดอากาศที่มีอยู่ต่อจากนั้น ให้เข้าร่วมการอ้างอิงทั้งสองและรับแบบจำลองแอคทูเอเตอร์ที่เกี่ยวข้องทันที
ตัวอย่าง: จำต้องทำวาล์วอัตโนมัติที่ต้องการแรงบิด 80Nm มากขึ้น 25% = 100Nm ที่ 5 บาร์ของการจ่ายอากาศ ตัวเลือกนี้ตกอยู่ที่รุ่น AP 4 DA ซึ่งพัฒนาแรงบิด 119 Nm





ข้อควรคำนึง: ค่าแรงบิดที่เลือกซึ่งกำหนดรุ่นของแอคชูเอเตอร์จะต้องไม่ต่ำกว่าค่าแรงบิดของวาล์วที่อยากได้ ระบุแรงบิดของวาล์วที่อยากได้ ซึ่งควรรวมทั้งระยะขอบความปลอดภัย 25% แล้วก็แรงดันใช้งานอย่างต่ำที่มี อ้างถึงตารางแรงบิดแรงดัน abd เลือกคอลัมน์แรงดันต่ำสุดที่ใช้งานได้ ปฏิบัติตามคอลัมน์นี้จนพบค่าไม่น้อยกว่าที่ต้องการ ถัดไปอ่านข้ามไปที่คอลัมน์ทางด้านซ้ายและก็อ่านลำดับที่รุ่นที่จะสั่งซื้อ วาล์วทอร์คที่เลือกซึ่งระบุประเภทของแอคทูเอเตอร์จำเป็นที่จะต้องไม่ต่ำกว่าที่ระบุ ค่าแรงบิดของวาล์ว ทอร์คแอคทูเอเตอร์

กระบอกลม (Pneumatic Air Cylinder)
หรือเรียกอีกชื่อว่า Actuator คืออุปกรณ์ที่ใช้ลมทำให้ก้านกระบอกลมเคลื่อนที่ไปในแนวเส้นตรง หรือหมุน 90, 180, 270 หรือ 360 องศา
เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนแปลงพลังงานในรูปแบบความดันลมให้เป็นพลังงานกลในลักษณะของการเคลื่อนที่โดยแบ่งตามลักษณะการทำงานหรือการเคลื่อนที่ได้ 3 ประเภท คือ
1. กระบอกลูกสูบลม (Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นตรง
2. กระบอกลม (Air Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นรอบวง
3. กระบอกลมนิวเมติกส์ทำงานแบบพิเศษ (Special Actuator) คือกระบอกลมนิวเมติกส์ที่มีลักษณะการทำงานไม่เหมือนกับ 2 ชนิดที่กล่าวมา กระบอกลมนิวเมติกส์แต่ละประเภทจะมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้งาน





กระบอกลม Air Cylinder จำพวกต่างๆ
1. กระบอกลมมาตรฐาน (Standard Cylinder)
ส่วนประกอบของกระบอกจะผลิตด้วยวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมเหลว ที่ถูกอัดลงบนแม่พิมพ์กระบอกลมอีกทีหนึ่ง กระบอกลมจำพวกนี้จะมีมาตรฐาน ISO 15552 มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน อย่างเช่น กระบอกลมแบบติดวาล์วควบคุมทิศทาง (Pneumatics Control), กระบอกลมแบบสี่เสา(Tie Red Type Cylinders), กระบอกลมแบบโปรไฟล์ (Profile Type Cylinders) แล้วก็กระบอกลมที่เป็นแบบล็อคก้านสูบได้ (Lock Cylinder)
2. กระบอกลมขนาดเล็ก (Mini Cylinder)
เหมาะสำหรับงานที่ใช้แรงดันลมไม่มากเท่าไรนัก งานสร้างสำหรับงานเฉพาะทาง โดยมีขนาดต่างๆอาทิเช่น กระบอกลมแบบมินิ (Mini Cylinders), กระบอกลมปากกา (Pen Sign Cylinders)
3. กระบอกลมแบบคอมแพค (Compact Cylinder)
มีความเด่นในเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน ลักษณะของกระบอกจะเป็นแบบสี่เหลี่ยม แบบทรงแผ่น และก็แบบมีเพิ่มก้านนำทาง
1. กระบอกลมแบบไม่มีก้านสูบ (Rodless Cylinders)
มีความไม่เหมือนจากกระบอกลมจำพวกอื่นตรงที่ไม่มีก้านลูกสูบ มีการใช้งานกันอยู่ 2 ประเภท คือ
– แบบแมคคานิคอลจ๊อย(Mechanically Jointed Rod less Cylinder)
– แบบใช้แรงดูดของแม่เหล็ก (Magnetically Coupled Cylinder)
ลักษณะการทำงานของกระบอกลมประเภทนี้คือ กระบอกลมจะเคลื่อนที่บนแกนเพลาที่ยึดหัวเเละท้าย เคลื่อนที่ได้จากแรงของแม่เหล็กที่เคลื่อนที่ไป-มาอยู่ตลอดเวลา กระบอกลมจำพวกนี้เหมาะกับงานที่ต้องการช่วงชักยาว
4. กระบอกลมแบบเลื่อน/สไลด์ (Slide Table Cylinder)
คุณลักษณะเด่นของกระบอกลมประเภทนี้คือ สามารถเลื่อนได้ (Slide Table Air Cylinder) ซึ่งกระบอกลมจำพวกอื่นทำไม่ได้ แบ่งได้ 3 ประเภท
1. แบบแผ่นเลื่อนความแม่นยำสูง (Air Slide Table/Precision Cylinder)
2. แบบเลื่อนยาว (Air Slide Table/Long Stroke)
3. แบบเลื่อนชนิดคอมแพ็ค (Compact Air (Cylinder) Slide Table) สามารถปรับแก้ช่วงชัก หรือตำแหน่งการติดตั้งได้อย่างอิสระ

เกจวัดแรงดัน (pressure gauge)
เป็นเครื่องมือจำเป็นในการใช้วัดหรืออ่านค่าแรงดันก๊าซแล้วก็ของเหลว เกจวัดแรงดันแบ่งได้หลากหลายชนิดมาก การจะเลือกซื้อเกจวัดแรงดันไปใช้ให้ถูกงานนั้นจำต้องคำนึงถึงประเภทต่างๆของเกจวัดความดันดังนี้
เกจวัดแรงค่าดันจะแบ่งเป็น 3 จำพวกหลักๆด้วยกัน คือ
1.General pressure gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าบวก
2. Vacuum gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าลบ
3. Compound gauge สามารถวัดแรงดันได้ทั้งยังค่าบวกแล้วก็ลบได้ในตัวเดียวกัน
เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) เป็นอุปกรณ์ที่สำหรับใช้ในการวัดที่ทนต่อแรงสะเทือนเพื่อใช้สำหรับในการวัดความดันซึ่งควรจะพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถแบ่งเกจได้เป็นทั้งยังแบบอนาล็อกแล้วก็เกจดิจิตอล





เกจวัดแรงดัน อนาล็อกหรือดิจิตอล
1. เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล จะมีราคาสูงกว่าเพจอนาล็อกแต่ว่าจะมีจุดเด่นกว่าตรงเกจแบบดิจิตอลมีความแม่นยำมากยิ่งกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการการวัดความดันแม่นยำสูง นอกเหนือจากนี้เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอลในหลายรุ่นสามารถเชื่อมต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถอ่านค่าได้จากระยะไกลได้ด้วย
เพรสเชอร์เกจแบบดิจิตอล เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล
2. เกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก (แบบเข็ม) มีจุดเด่นก็คือราคาถูกกว่าไม่ต้องการการบำรุงรักษามากมายเมื่อเทียบกับเกจแบบดิจิตอล โดยเกจวัดแรงดันแบบอนาล็อกนั้นแบ่งออกอีกเป็น 2 จำพวก คือ
2.1 เกจวัดแรงดันอนาล็อกปรกติ มีจุดเด่นก็คือ ราคาไม่แพง แต่ว่าจะรับแรงสั่นสูงไม่ได้
โดยทั่วไปสำหรับในการสั่งซื้อสิ่งที่ควรระบุสำหรับเครื่องไม้เครื่องมือวัดแรงดันมีดังนี้
- หน่วยวัด(Unit) คือ หน่วยความดันบนหน้าปัดที่พวกเราต้องการให้อุปกรณ์วัดแสดง
- ย่านการวัด (Range) คือ ช่วงความดันต่ำสุด-สูงสุด ที่อุปกรณ์ตัวนั้นสามารถวัดให้เราได้
- ขนาดหน้าปัด (Dial Size) คือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหน้าปัดเครื่องมือวัด มักกำหนดเป็น นิ้วหรือมิลลิเมตร
- ประเภทวัสดุ คือ ชนิดของวัสดุที่ใช้เป็นตัวเรือน : เหล็ก / พลาสติก / สแตนเลส / ทองเหลืองแล้วก็วัสดุใช้ทำเกลียว : ทองเหลือง / สแตนเลสแบบ/ขนาดของเกลียว (Type/Thread size) คือ ขนาดของเกลียวที่จะใช้ต่อกับอุปกรณ์อื่น มีทั้งยังแบบออกด้านล่างแล้วก็ออกข้างหลัง ตัวอย่างขนาดเกลียวมาตรฐาน NPT และก็ BSP
- ออฟชั่นพิเศษต่างๆอาทิเช่น แบบมีน้ำมัน มีปีกยึดติดตู้