'PTG'
โชว์รายได้ปี 64 โต 28% แจ้งจ่ายปันผล 0.25 บาท
'PTG' ประกาศรายได้ปี 64 กว่า 133,759 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 28% คาดปีนี้ EBITDA โต 15-20% ทุ่มงบลงทุน 3.5-4 พันล้านบาท รุกขยาย Non-Oil อย่างเต็มกำลัง มติบอร์ดอนุมัติปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจีเอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 133,759 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,934 ล้านบาท หรือ 28.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 1,017 ล้านบาท
สำหรับรายได้จากการขายและการให้บริการที่ปรับเพิ่มขึ้นยังคงมาจากรายได้ธุรกิจน้ำมันเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 95.2% ของรายได้รวม จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทาง ทั้งผ่านสถานีบริการและค้าส่งผ่านอุตสาหกรรมรวมทั้งปี อยู่ที่ 5,020 ล้านลิตร ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.2% เป็นไปตามเป้าที่บริษัทฯ ได้คาดการณ์ไว้ระหว่าง 1-4%
ขณะที่รายได้จากธุรกิจ Non-Oil ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 4.8% ของรายได้รวม โดยรายได้จาก Non-Oil เติบโต 42.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเติบโต 37.4% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากธุรกิจแก๊ส LPG ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณการจำหน่ายแก๊สอยู่ที่ 300 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 72.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งในปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจ LPG สำหรับรถยนต์เป็นอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งอยู่ที่ 17.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 5.5% ในปี 2563 นอกเหนือจากนี้ ยังมีรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มพันธุ์ไทย รวมถึงธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
'บริษัทฯ เชื่อว่าในปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันซึ่งน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ให้ราคาขายปลีกให้มีค่าการตลาดที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการควบคุมราคาน้ำมันดีเซลที่ภาครัฐกำหนด และคาดว่าจะยังคงสามารถรักษามาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 2 เอาไว้ได้' นายพิทักษ์ กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ประมาณการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปีนี้ไว้ที่ 6-10% และประเมินกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 15-20% และจากการเติบโตของธุรกิจแก๊ส LPG ทั้งในภาคอุตสาหกรรมในครัวเรือน ทำให้บริษัทฯ คาดว่าปริมาณการการจำหน่ายแก๊ส LPG เติบโตได้ 50-60% นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 3,500 - 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจน้ำมันและแก๊ส LPG ประมาณ 1,500 - 2,000 ล้านบาท ธุรกิจ Non-Oil 1,000 - 1,500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500 ล้านบาท ซึ่งมีแผนจะขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG ประมาณ 80-100 สาขา เพิ่มร้านกาแฟพันธุ์ไทย 150-200 สาขา รวมถึงจุดบริการทัชพ้อยต์ 350-400 สาขา
รวมถึง สถานีบริการน้ำมันคอมมูนิตี้มอลล์สุดทันสมัยแห่งแรก 'PT Max Park Salaya' บนเนื้อที่ 9 ไร่ ริมถนนบรมราชชนนี ฝั่งขาเข้า อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม ซึ่งแบ่งพื้นที่บริการเป็น 2 ส่วน คือ สถานีบริการน้ำมันและคอมมูนิตี้มอลล์ สูงชั้นครึ่ง 1 อาคาร และสูง 2 ชั้น 1 อาคาร ซึ่งมีทั้งร้านค้าชั้นนำในเครือบริษัท PTG และพันธมิตรทางธุรกิจรวมกว่า 30 ร้านค้า มาเปิดให้บริการ อีกทั้งยังมีพื้นที่สำหรับ Co-Working Space พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไว้บริการสำหรับสมาชิก PT Max Card อีกด้วย โดยได้เปิดให้บริการเฟสแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 และเตรียมดำเนินการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบประมาณเดือนพฤษภาคม 2565
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายปันผลประจำปี 2564 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 417.5 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565