͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ไทยประกันชีวิตปรับโครงสร้างองค์กร รองรับการขับเคลื่อน  (อ่าน 15 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ dsmol19

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 16170
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ไทยประกันชีวิตปรับโครงสร้างองค์กร รองรับการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล

ไทยประกันชีวิตเสริมความแข็งแกร่ง ปรับโครงสร้างองค์กร สร้างกระบวนการทำงานให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็ว ควบคู่การพัฒนาบุคลากร พร้อมเสริมทัพทีมผู้บริหารใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รองรับการเติบโตของธุรกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืน

นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (ไทยประกันชีวิต (Thai Life Insurance; TLI) หรือ บริษัทฯ) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ประกาศปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ มุ่งสู่การเป็น Life Solutions Provider หรือ ทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล โดยปรับกระบวนทัศน์การทำงานมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ (Result) และผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact) มากขึ้น ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการใช้ข้อมูล ตามแนวทางการเป็น Data Driven Company

"การดำเนินธุรกิจของไทยประกันชีวิต จะผสมผสานระหว่างคน กระบวนการ ข้อมูล และเทคโนโลยี รวมถึงการปรับ Mindset คนไทยประกันชีวิตให้มีความเข้าใจในดิจิทัล (Digital Mindset) และมีการทำงานแบบคล่องตัว (Agility) มีความรู้ ความเข้าใจข้อมูล (Data Literacy) สามารถวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) โดยนำข้อมูลที่มีมาเพิ่มมูลค่าและสร้างคุณค่าต่อลูกค้า ต่อบริษัทฯ และต่อแบรนด์ไทยประกันชีวิต" นายไชยกล่าว

และเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับกระบวนทัศน์ในการทำงาน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงเพิ่มเติม เพื่อให้การบริหารจัดการบริษัทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น รองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

โดยตนดำรงตำแหน่งกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริหารจัดการการดำเนินธุรกิจของไทยประกันชีวิตในภาพรวม กำหนดกลยุทธ์ในด้านต่างๆ รวมถึงกำหนดกลยุทธ์ทางด้านช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะการขยายตลาดผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทฯ ควบคู่กับการเสริมทัพด้วยทีมผู้บริหารมืออาชีพ เพื่อให้ไทยประกันชีวิตขับเคลื่อนตามวิสัยทัศน์สู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติแต่งตั้งนายเคียน ฮิน ลิม ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการใหญ่ (President) รับผิดชอบดูแลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ กลยุทธ์การขยายตลาด การบริหารความเสี่ยงขององค์กร การขับเคลื่อนองค์กรโดยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digital Transformation รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ กัมพูชา ลาว เมียนมา

นายเคียน ฮิน ลิม เป็นนักคณิตศาสตร์ประกันชีวิตที่มีความรู้ ความสามารถ จากการสั่งสมประสบการณ์การทำงานในองค์กรชั้นนำหลากหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง โดยมีประสบการณ์ในประเทศไทยยาวนานถึง 27 ปี และทำงานกับไทยประกันชีวิตเป็นระยะเวลาถึง 14 ปี ซึ่งนายเคียน ฮิน ลิม มีผลงานที่โดดเด่น อาทิ การเจรจาร่วมทุนกับ CB Bank จัดตั้ง CB Life Insurance Company Limited (CB Life) ในเมียนมา โดยไทยประกันชีวิตถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของ CB Life หรือการเป็นคณะทำงานในการสรรหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยปัจจุบัน บริษัท เมจิ ยาซูดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งในประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้นไทยประกันชีวิต ร้อยละ 15 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของบริษัทฯ ซึ่งการเข้าเป็นพันธมิตรดังกล่าวช่วยสนับสนุนไทยประกันชีวิตในด้านต่างๆ ทั้งการขยายตลาดองค์กรญี่ปุ่น (Japanese Worksite Marketing) การสนับสนุนด้านองค์ความรู้และความชำนาญต่างๆ รวมถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยี และการเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มตลาดใหม่ๆ

ไม่เพียงเท่านั้น นายเคียน ฮิน ลิม ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและผลักดันธุรกิจประกันชีวิตให้รุดหน้า โดยมีบทบาทในการกำหนดหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk-Based Capital) ให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติแต่งตั้งผู้บริหารท่านอื่น ได้แก่
นายบุญสิน ทั้งอุดม ดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลยุทธ์การบริหารจัดการข้อมูล กลยุทธ์ช่องทางธุรกิจ
นายนิติพงษ์ ปรัชญานิมิต ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ Chief Marketing Officer รับผิดชอบ
กลยุทธ์ด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด การวางแผนธุรกิจ
นายเด่นพงษ์ เจษฎาวิริยะ ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ดูแลงานด้าน Core Business อาทิ การรับประกันชีวิต สินไหมทดแทน และการบริการผู้เอาประกันภัย
นายอาจ เสรีนิยม ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ดูแลงานด้านการลงทุน และการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์
นายฉี-หลิง หยาง Chief Actuary ดูแลงานด้านคณิตศาสตร์ประกันชีวิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์
นายกรวุฒิ พิทยาพิบูลพงศ์ ดำรงตำแหน่ง Senior Head of Chanel, Commercial Bancassurance 2 ดูแลการขยายตลาดผ่านช่องทางธนาคาร และช่องทางพันธมิตร

ขณะเดียวกัน ไทยประกันชีวิตยังมีทีมผู้บริหารระดับสูงเดิมที่มีความรู้ ความสามารถ และมากด้วยประสบการณ์ในธุรกิจประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นนางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Deputy CEO) กำกับดูแลด้านการลงทุน และการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์ นายวิญญู ไชยวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Deputy CEO) กำกับดูแลกลุ่มธุรกิจพันธมิตร

นายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ ดูแลงานด้านกฎหมาย การกำกับดูแลกิจการที่ดี และช่องทางประกันชีวิตกลุ่ม นายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร รองผู้จัดการใหญ่ ดูแลช่องทางการตลาดทางตรง หรือ Direct Marketing การบริหารจัดการฝ่ายขาย สาขาและศูนย์บริการลูกค้า

นายโนบุยุกิ มากิโนะ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ดูแลการขยายตลาดองค์กรญี่ปุ่น นายไมเคิล เฮียง ลี Chief Financial Officer ดูแลงานด้านบัญชีและการเงิน แพทย์หญิงภาวิฉัตต์ ประเสริฐสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ดูแลสายงานการแพทย์ไทยประกันชีวิต นางดวงเดือน คงคาสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลุ่มสื่อสารองค์กร และนางยุพาภรณ์ สุวรรณวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ดูแลงานด้านทรัพยากรบุคคล

"การผสานทีมผู้บริหารทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ จะช่วยนำจุดแข็งที่แตกต่างของผู้บริหารในแต่ละ Generation มาเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนให้ไทยประกันชีวิตบรรลุ Business Purpose ที่มุ่งสู่การเป็น Life Solutions Provider และบรรลุ Brand Purpose ที่ได้รับความชื่นชอบ ความไว้วางใจจากลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันปัจจุบันเป็นยุค Globalization ไทยประกันชีวิตจึงรุดหน้า โดยการสร้างทีมผู้บริหารที่เป็น Global Citizen เพื่อให้พร้อมต่อการขยายธุรกิจในอนาคต" นายไชยกล่าว

นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตยังได้ปรับโครงสร้างการจัดการบุคลากรให้รองรับการกระจายอำนาจ เพื่อให้การบริหารจัดการและการตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดสายบังคับบัญชา พร้อมขยายขีดความสามารถของบุคลากร เน้นการทำงานร่วมกันของทีมงานจากหน่วยงานต่างๆ และกำหนดกระบวนการทำงานแบบ End-to-End ขณะเดียวกันจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนการทำงานแบบ Agility รวมถึงจัดพื้นที่การทำงานร่วมกันแบบ Co-Working Space เพื่อให้บุคลากรสามารถทำงานและขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างรวดเร็ว

"คนไทยประกันชีวิตจะต้อง Upskill และ Reskill พัฒนาตัวเองให้มีความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และสร้างนวัตกรรมใหม่ (Innovativeness) รวมถึงฝึกฝนให้เกิดทักษะแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านความคิด ความสัมพันธ์ การลงมือทำอย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะการทำงานเป็นทีม ทักษะการรองรับการเปลี่ยนแปลง ทักษะการใช้ชีวิต รู้จักคุณค่าของตนเอง และสร้างให้เกิดคุณค่ากับผู้อื่นได้ ทุกคนในองค์กรต้องพร้อมรับมือกับวิถีการทำงานใหม่ๆ หรือ New Way of Working ซึ่งการปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ จะทำให้ตนเองและองค์กรอยู่อย่างยั่งยืน" นายไชยกล่าว