͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: อ่านเกม MARK ZUCKERBERG ผู้ก่อตั้ง FACEBOOK ในยุค META ที่ไม่ META อีกต่อไป  (อ่าน 36 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Beer625

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13322
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ตั้งแต่ Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น Meta เพื่อรันเทรนด์จักรวาลนิรมิตร หรือ Metaverse ทุกๆอย่างที่ Mark Zuckerberg ผู้จัดตั้ง รวมทั้ง CEO ของบริษัทวาดวิมานในอากาศไว้กลับไม่เป็นไปตามที่คิด

เนื่องจากว่าถึงบริษัทจะมีรายได้รวมปี 2021 เติบโต 20% แม้กระนั้นก็มาพร้อมข่าวไม่ดีอาทิเช่น ยอดผู้ใช้งานลดน้อยลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่จัดตั้งบริษัท รวมทั้งธุรกิจส่วน Metaverse ขาดทุนกว่า 3,304 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 แสนล้านบาท

แถมจากผลประกอบการที่ไม่สู้ดี ทำให้ราคาหุ้น Meta ข้างหลังปิดตลาดวันที่ 3 ก.พ. 2022 ต่ำลง 26% มูลค่าธุรกิจหายไป 2.3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 8 ล้านล้านบาท

ในภาษาเกม Meta มิได้คือ Metaverse แม้กระนั้นเป็น Most Effective Tactics Available หรือแผนการที่เยี่ยมที่สุดสำหรับเพื่อการเอาชนะเกมนั้น ซึ่งอาจบอกได้ว่า Facebook เวลานี้ไม่ใช่ Meta ของเกม Social Media อีกแล้ว



เพราะอะไร Meta ไม่ Meta อีกต่อไป?
เริ่มกันที่จำนวนการใช้แรงงาน Facebook กันก่อน เนื่องจากตัวเลขผู้ใช้งานบ่อยๆทุกเมื่อเชื่อวัน หรือ Daily Average Users (DAUs) ในไตรมาส 4 ปี 2021 อยู่ที่ 1,929 ล้านบัญชี ลดน้อยลงจาก 1,930 ล้านบัญชี ในไตรมาส 3 ปีเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการลดน้อยลงของจำนวนผู้ใช้ครั้งแรกนับจาก Facebook ให้บริการมานาน 17 ปี

เหตุผลที่ต่ำลงคงทายใจกันไม่ยาก เพราะว่ามีตั้งแต่ว่า Facebook ได้รับความนิยมในกรุ๊ปคนแก่ และก็ผู้สูงอายุ ส่วนคนรุ่นใหม่กลับไม่เลือกใช้งาน, ข่าวร้ายเกี่ยวกับการสนใจเรื่องกำไรมากยิ่งกว่าความปลอดภัยของข้อมูลของผู้ใช้ และการปล่อยให้กำเนิด Hate Speech โดยตลอดเพื่อกระตุ้นการใช้งานในระบบ

สาเหตุกลุ่มนี้ทำให้ Facebook รักษาอัตรา DAUs ได้ยาก และก็เบาๆสูญเสียความเป็น Meta ในตลาด Social Media ให้กับคู่ต่อสู้รายอื่น ถึงแม้ Instagram จะยังตอบปัญหาการใช้งานของกลุ่มวัยรุ่นได้ รวมทั้ง Whatsapp ยังมีการใช้งานโดยตลอด แต่ก็เทียบไม่ได้กับปริมาณผู้ใช้ Facebook ที่แค่ต่ำลง 1 ล้านบัญชี ก็กระทบราคากิจการค้าในทันที

แล้ว Meta จะเดินหน้า Metaverse ได้ใช่หรือไม่?
นับจากเปลี่ยนชื่อจาก Facebook เป็น Meta เมื่อปลายเดือน ตุลาคม 2021 ความขมักเขม้น Metaverse ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ Facebook ค่อยๆตั้งใจจริงกับการรุกตลาด AR และ VR อย่างเช่นการซื้อกิจการค้า Oculus (ปัจจุบันนี้แปลงชื่อเป็น Meta Quest) เมื่อปี 2014 รวมทั้งพัฒนาจนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแว่น VR ลำดับแรกๆของโลก

แม้กระนั้นการลงทุนใน Metaverse นับว่าเป็นเรื่องใหม่ แล้วก็ตลาดอาจยังไม่พร้อมขนาดนั้น เพราะว่าถ้าดูก่อนยได้ Reality Labs หรือธุรกิจใหม่ของ Meta ที่มีกลุ่ม Metaverse เป็นเลิศในนั้น ในไตรมาส 4 2021 กลับทำได้เพียงแต่ 877 ล้านดอลลาร์ แม้กระนั้นขาดทุนถึง 3,304 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนทั้งปี 2021 กว่า 9,000 ล้านดอลลาร์

ถ้าไปเทียบกับรายได้ฝั่ง Family of Apps หรือธุรกิจดั้งเดิม ดังเช่น รายได้โปรโมท Facebook แล้วก็ Instagram ในไตรมาส 4 ทำเป็น 32,794 ล้านดอลลาร์ แล้วก็มีผลกำไรถึง 15,889 ดอลลาร์ ส่วนตลอดปีมีผลกำไรถึง 56,000 ล้านดอลลาร์ เรียกว่าการขับเคลื่อน Metaverse บางทีอาจยังเกิดเรื่องฝันหวานอยู่ถ้าหากมองในเรื่องจำนวนเงิน

พัก Anti-Meta ด้วยการกลับมาเน้นย้ำวีดีโอ
จากผลประกอบการที่ไม่สู้ดี ทำให้มูลค่าหุ้นที่ตกฮวบจนถึง Meta สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการเปลี่ยนเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการลดน้อยลงสูงที่สุดข้างในวันเดียว งานนี้ Mark Zuckerberg ถึงกับบอกในงานประชุมองค์กรผ่านออนไลน์ว่า “พวกเราจะกลับมาเน้นย้ำวีดีโอสั้น เพราะว่าเป็นแหล่งรายได้สำคัญภายหลังจากนี้”

งานนี้คำศัพท์สำหรับการเล่นเกมเรียกว่า Meta บางทีอาจกลับมาใช้อุบาย Meta อีกที เพื่อรับประกันการบรรลุผล และก็มีผลประกอบการที่ออกมางาม พร้อมทั้งพักการ Anti-Meta หรือเปล่าทำตามวิธีการที่ผู้อื่นทำด้วยการเร่งเครื่องธุรกิจใหม่ และก็กรุ๊ป Metaverse เพื่อสร้างรายได้ในอนาคต

นอกจากนี้ยังส่งแผนต่างๆเพื่อรั้งบุคลากรจำนวนไม่ใช่น้อยให้อยู่ร่วมกับบริษัทให้นานที่สุด ไม่ไหลออกไปร่วมงานกับคู่ปรปักษ์ อย่างเช่น การเพิ่มวันหยุดสำหรับเพื่อการปฏิบัติงาน และกระตุ้นให้พนักงานใช้วันลาพักร้อนเพื่อบรรเทา และไม่เกิดอาการ Burnout จนไม่อาจจะรีดประสิทธิภาพการทำงานออกมาได้สุดกำลัง

งานหนัก Mark เพื่อทำ Meta ให้ติด Meta
อย่างไรก็ตามไม่ใช่งานง่ายที่ Mark Zuckerberg จะมีผลให้ Meta กลับมาเป็น Meta ของธุรกิจ Social Media. ด้วยเหตุว่าทั้งยังสาเหตุข้างต้นเป็นต้นว่า วัยรุ่นละเลยการใช้แรงงาน Facebook รวมทั้งการให้ความสนใจเรื่องรายได้มากเกินไปจนกระทั่งทำให้ผู้ใช้อยากย้ายออกไปอยู่ใน Social Media รายอื่น

ไหนจะเรื่อง Apple ที่ส่งฟีพบร์ Do not Track หรือเปล่าให้แอปพลิเคชันต่างๆรู้ว่าผู้ใช้พอใจสิ่งไหน วันแล้ววันเล่าใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อทำอะไรบ้าง จนกระทั่งกระทบกับการทำตลาดบริการโฆษณาบน Facebook แล้วก็แอปพลิเคชันในเครือ เพราะทำเงินจากบริการประชาสัมพันธ์ได้ทุกข์ยากลำบากขึ้น

รวมทั้งปัจจุบันราคาหุ้นของ Meta ยังไม่รู้สึกตัวกลับมา สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจในนักลงทุน และก็อาจจะจำเป็นต้องลุ้นกันว่า Meta จะกลับมาได้หรือเปล่า เนื่องจากแม้ยังไม่ปรับแต่ง ช่องทางที่รายได้จากฝั่งประชาสัมพันธ์ก็อาจลดน้อยลง ผ่านจำนวนผู้ใช้งานที่ไหลไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ

สรุป
Meta อาจไม่ Meta อีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุว่า Facebook กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนวัยชรา แม้จะมี Instagram และ Whatsapp คอยช่วยเหลือ แต่ว่าโน่นก็ไม่พอ โดยเหตุนั้นการจูงใจให้คนรุ่นหลังกลับใช้งานเป็นประเด็นหลัก รวมทั้งการยอมกลืนเลือดด้วยการพัก Metaverse รวมทั้งกลับมาอยู่ในโลกที่ความเป็นจริงก่อนน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด