ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้คลายความกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 23.48 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.34% สู่ระดับ 114.32 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.07% สู่ระดับ 129.18 เยน และดีดตัวขึ้น 0.27% สู่ระดับ 1.130 ดอลลาร์
ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.38% สู่ระดับ 96.02 หลังจากร่วงลงแตะ 95.9280 ขณะที่ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มดิ่งลง 1.3% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐทรุดตัวลงในเดือนม.ค. โดยมีการจ้างงานลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ทั้งนี้ ADP เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานลดลง 301,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง
ภาคบริการมีการจ้างงานลดลง 274,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 27,000 ตำแหน่ง
ก่อนหน้านี้ ADP เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนพุ่งขึ้น 776,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. จากระดับ 505,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.
ส่วนปอนด์แข็งค่าเทียบดอลลาร์และยูโรในวันนี้ ขานรับคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่อังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 422,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%