ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.17 แข็งค่าจากวานนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯกดดอลลาร์อ่อนค่า
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า
เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.17 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.22/23 บาท/ดอลลาร์
เช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน หลังตัว เลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยตลาดคาดจะมีงานเพิ่ม 2 แสนตำแหน่ง แต่ผลที่ ออกมาลดลง 3 แสนตำแหน่ง ทำให้ตลาดไม่มั่นใจต่อท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"บาทแข็งค่าตามทิศทางตลาดโลก หลังดอลลาร์ย่อตัวลงเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน เนื่องจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ไม่มั่นใจว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามที่ส่งสัญญาณไว้หรือไม่ ขณะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลงด้วย" นักบริหาร เงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.10 - 33.25 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (3 ก.พ.) อยู่ที่ระดับ 0.34958% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.35589%
SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.17250 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.43 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 114.42/43 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1295 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1281/83 ดอลลาร์/ยูโร
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.211 บาท/
ดอลลาร์
"แบงก์" เปิดแผนธุรกิจปี 65 ตั้งเป้าสินเชื่อโตเกิน 3-12% ด้าน ธนาคารกรุงเทพ คาดโต 4-6% คุมหนี้เสียไม่ให้
เกิน 4% เดินหน้า รุกโตภูมิภาค ด้านบล.กสิกรไทยชี้เปิดประเทศ เศรษฐกิจฟื้นหนุนธนาคาร ทำผลงานได้ตามเป้า ด้านธอส. คาด
ปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ กว่า 2 แสนล้าน
"กกร." ขยับกรอบเงินเฟ้อปี 2565 ใหม่จากเดิม 1.2-2% เป็น 1.5-2.5% หลังราคาสินค้า-น้ำมันยังคงขยับต่อ
เนื่อง ประเมินครึ่งปีแรกอาจแตะ 3% แนะรัฐร่วมมือเอกชนตรึงราคาสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่คงกรอบ ศก.โต 3-4.5% ส่ง
ออก 3-5% สภาหอฯ เล็งตบเท้าถก "คลัง" 4 ก.พ.ขอขยายเวลาช้อปดีมีคืน เพิ่มวงเงินคนละครึ่งเฟส 4
นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงการส่งออกข้าวว่า ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกข้าวได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6
ล้านตัน โดยส่งออกได้ 6.117 ล้านตัน เพิ่ม 6.7% จากปี 2563 ที่ส่งออกได้ 5.734 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 107,757 ล้านบาท
ลดลง 7.1% จากปี 2563 ที่มีมูลค่า 116,043 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกอันดับที่ 3 ต่อ
เนื่องเป็นปีที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2563
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐ
ทรุดตัวลงในเดือนม.ค. และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส
โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ทั้งนี้ ADP เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานลดลง 301,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาด ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (2 ก.
พ.) หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในเดือนม.
ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ รวม
ทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ (2 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุล
เงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่ร่วงลงอย่างหนักใน
เดือนม.ค.ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
นักลงทุนจับตาการประชุม BoE และ ECB ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น
ครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึง 2 เดือน หลังเงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ขณะที่คาดว่า ECB จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นโยบายการเงินแต่อย่างใด
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมพรุ่งนี้ เพื่อ
สกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ECB จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน แม้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งสูงสุดเป็น
ประวัติการณ์ และปรับตัวเหนือเป้าหมาย 2% ของ ECB
นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรง
ตัวที่ระดับ 3.9%