หุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ ร่วงลงประมาณ 9% ในช่วงเปิดการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนีขณะตลาดจับตาซีอีโอเทสลาที่ตั้งโพลสอบถามความคิดเห็นกับผู้ติดตามในทวิตเตอร์ด้วยคำถามที่ว่า เขาควรขายหุ้นเทสลา 10% จากหุ้นที่ถืออยู่หรือไม่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลโหวตกว่า 3.5 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 57.9% แนะนำให้เขาขายหุ้นเทสลาจำนวน 10% เพื่อนำเงินจำนวนนั้นไปจ่ายภาษี
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของเทสลาในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต ดิ่งลง 7.9% มาอยู่ที่ 980 ยูโร ขณะที่มูลค่าหุ้นของเทสลาที่ซื้อขายในสหรัฐทะยานขึ้น 73.2% ในปีนี้
นายมัสก์ประกาศทางทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์ (6 พ.ย.) ว่า "ผมขอประกาศว่าผมไม่ได้รับเงินเดือนหรือโบนัสเป็นเงินสดจากที่ใดเลย ผมมีเพียงหุ้นที่ถืออยู่เท่านั้น ดังนั้นทางเดียวที่ผมจะจ่ายภาษีได้ก็คือการขายหุ้น" พร้อมกับเสริมว่า "ในระยะหลัง ๆ มานี้ มีการมองว่ากำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงนั้นถือเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี ผมจึงเสนอว่าจะขายหุ้นเทสลา 10% จากที่ผมถืออยู่ทั้งหมด"
ก่อนหน้านี้ นายมัสก์ได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอของพรรคเดโมแครตให้มีการปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (Capital gains) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการปฏิรูปภาษีที่พุ่งเป้าเรียกเก็บจากชาวอเมริกันที่ร่ำรวย โดยกำไรจากการลงทุนในระยาวคือกำไรที่ได้จากการขายทรัพย์สินหลังจากที่ถือครองมาเป็นเวลากว่า 1 ปี
ทั้งนี้ นายมัสก์ยืนยันว่าเขาจะดำเนินการตามผลโพลที่ออกมา ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร