͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: IVL ออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนมูลค่า 10,000 ล้านบาท  (อ่าน 87 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Chigaru

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13687
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด

IVL ออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน 3 ชุด มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท สูงสุดในไทย แถมเป็นรายแรกที่ขายให้กับทั้งผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาโลกร้อนและสานต่อการผลิตที่ยั่งยืน

นายยาช โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า  บริษัทฯ เสนอขายหุ้นกู้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท 3 ชุด ประกอบด้วยอายุ 5 ปี 7 ปี และ 10.5 ปี เสนออัตราดอกเบี้ย 2.48% , 3.00% และ 3.60%ต่อปี ตามลำดับ โดยมีกลุ่มผู้ลงทุนเป้าหมายคือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ออมทรัพย์ และบุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่

นายยาช โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) 
นายยาช โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ เนื่องด้วยเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวเนื่องกับความยั่งยืนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้มีปริมาณจองซื้อสูงถึงกว่า 17,800 ล้านบาท ซึ่งสูงถึง 3 เท่าจากมูลค่าหุ้นกู้ที่บริษัทฯ ตั้งใจจะออกและเสนอขายครั้งแรกที่ 6,000 ล้านบาท และมีส่วนสำรองเพิ่มเสนอขายเพิ่มเติม (green shoe option) อีก 4,000 ล้านบาท


ดังนั้น เพื่อรองรับการจองซื้อจำนวนมากจากนักลงทุน บริษัทฯ จึงตัดสินใจใช้ green shoe option และเพิ่มการออกเสนอขายหุ้นกู้ฯ เป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเสนอขาย SLB ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 ทริสเรทติ้งจัดอันดับความน่าเชื่อถือสำหรับหุ้นกู้ฯ ดังกล่าวที่ระดับ AA- ด้วยแนวโน้ม “Stable” จากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอนุพันธ์ ประกอบกับการเติบโตของกำไรของไอวีแอล

ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด หุ้นกู้ฯ ทั้ง 3 ชุดจะมีการซื้อการรับรองคุณลักษณะพลังงาน (Energy Attribute Certificate: EAC) หรือการชดเชยในรูปแบบของการซื้อคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Offsetting) ในกรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถบรรลุตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainability Performance Targets: SPT) ซึ่งหุ้นกู้ฯ รุ่นอายุ 5 ปี และ 7 ปี กำหนดวันประเมินผล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2568 และหุ้นกู้ รุ่นอายุ 10.5 ปี จะประเมินผล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2573

 

ผลการดำเนินงานตาม SPT จะได้รับการตรวจสอบจากผู้สอบทานอิสระตามช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ ไอวีแอลจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ฯ ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระคืนเงินกู้เดิม

 

“ความสำเร็จของการออกหุ้นกู้ฯ ครั้งนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านักลงทุนให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโลกร้อน และกำลังปรับทิศทางการลงทุนไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หุ้นกู้สนับสนุนความยั่นยืนในวันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตลาดทางการเงินเห็นคุณค่าในความพยายามดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเรา และเราหวังว่าจะได้ร่วมกันสร้างอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”นายยาชกล่าว

 

นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคาร กสิกรไทย หรือ KBANK กล่าวว่า หุ้นกู้สนับสนุนความยั่งยืน ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักลงทุนไทย แต่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่สร้างแรงจูงใจที่เหมาะสมต่อผู้ออกหุ้นกู้ฯ และนักลงทุน

นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคาร กสิกรไทย
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคาร กสิกรไทย

 

สำหรับหุ้นกู้ฯ ของไอวีแอลนี้มีโครงสร้างที่แตกต่างจากการปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างที่เคยมีมาแล้วในตลาด เนื่องจากมีเงื่อนไขเพิ่มเติมในเรื่องของการซื้อการรับรองคุณลักษณะพลังงาน (Energy Attribute Certificate: EAC) หรือการชดเชยในรูปแบบของการซื้อคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Offsetting) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเป้าหมายด้านความยั่งยืน และเป็นการนำเสนอนวัตกรรมให้แก่ตลาด การตอบรับอย่างดีต่อการออกหุ้นกู้ฯ ดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันถึงความมั่นใจต่อไอวีแอลและความสนใจด้านความยั่งยืนของนักลงทุน”

 

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ไอวีแอลได้รับสินเชื่อที่มีเงื่อนไขเกี่ยวเนื่องกับผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG)ได้แก่ สินเชื่อสีเขียว (Green Loan) รายแรกของไทยมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐและ 200 ล้านยูโรจากธนาคารมิซูโฮของประเทศญี่ปุ่น

 

สินเชื่อสนับสนุนความยั่งยืนที่อนุมัติให้บริษัทต่างชาติ (Sustainability-Linked Ninja Loan) รายแรกของไทยมูลค่า 225 ล้านเหรียญสหรัฐ จากธนาคารและสถาบันการเงิน 16 แห่งในญี่ปุ่น และสินเชื่อสีน้ำเงินมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ จัดสรรโดย International Finance Corporation และได้รับการสนับสนุนจาก Asian Development Bank และ DEG