͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: 'ทูซีทูพี' ครบ 19 ปี โกยรายได้ 800 ลบ. ครึ่งแรกปี 64  (อ่าน 97 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Beer625

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13322
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


ทูซีทูพีฉลองสู่ปีที่ 19 ชูวิสัยทัศน์สร้างการเติบโตมั่นคงในธุรกิจ หวังตอกย้ำความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก เผยโกยรายได้ 800 ลบ. ครึ่งแรกปี 64

นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าปี 2564 นี้เป็นปีแห่งการก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 ที่ผ่านมาทูซีทูพี ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำการให้บริการรับชำระเงินออนไลน์ (Payment Gateway) อย่างครบวงจร ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้พัฒนาและให้บริการระบบการชำระเงินกับร้านค้าขนาดใหญ่ จำนวนมากกว่า 1,000 บริษัทในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก ทำให้ล่าสุดบริษัทมีตัวเลือกในการชำระเงินแก่ลูกค้าที่มากทีสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กว่า 300 วิธี พร้อมยังมีจุดให้บริการรับชำระเงินมากกว่า 400,000 จุดรวมกัน

“เพื่อการพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง บริษัทฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการผู้นำแพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก ที่มีมาตรฐานระดับสากลและพร้อมเคียงข้างลูกค้าในทุกมิติเสมอ โดยมีการกำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานต่อจากนี้คือ จะยังคงมุ่งเน้นความน่าเชื่อถือ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการให้บริการ พร้อมเพิ่มศักยภาพการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินทั้งในไทยและต่างประเทศ เพิ่มรูปแบบบริการใหม่ๆ เช่น บริการ BNPL (Buy now pay later ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) การให้บริการเงินกู้กับร้านค้าในเครือข่ายทูซีทูพี รวมถึงการขยายเครือข่ายให้บริการอีเพย์เมนต์ ไปยังประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการศึกษาและเตรียมความพร้อมสำหรับการให้บริการรับชำระด้วยเงินด้วยคริปโทเคอเรนซี่ (cryptocurrencies) เพิ่ม หากธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาต หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในเงินดิจิทัลของธนาคารแห่งประเทศไทยเอง (CBDC – Central Bank Digital Currency)” นายปิยชาติ กล่าว

วิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจมุ่งสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและมั่นคงของบริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด ในช่วงครบรอบ 19 ปีที่ก่อตั้งบริษัท จะเน้นเดินหน้าพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำลุยเปิดบริการใหม่ เพื่อเปิดตลาดใหม่ในปีต่อไป จุดนี้นายปิยชาติ กล่าวต่อว่าส่วนของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้แล้วกว่า 800 ล้านบาท โดยเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แม้จะอยู่ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจผันผวน แต่เชื่อมั่นว่าในส่วนของผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะยังโตเพิ่มอีกราว 25% ส่งผลทำให้ยอดรวมตลอดทั้งปีแตะ 1,800 ล้านบาท

บริษัทเชื่อว่าปัจจัยในการสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจในปีนี้ส่งผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ทำให้ประชาชนมีวิถีชีวิตในรูปแบบนิว นอร์มัล หลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินสด งดออกจากบ้าน และหันมาจับจ่ายใช้สอยแบบออนไลน์เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับในส่วนของผู้ประกอบการและร้านค้าก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบมาขายออนไลน์ เนื่องด้วยเจอคำสั่งล็อคดาวน์ของทางภาครัฐ ทำให้ไม่สามารถทำการค้าแบบปกติที่หน้าร้านได้



ในขณะที่ภาพรวมตลาดอีเพย์เมนต์ในปีนี้ยังเติบโตได้ดีและมีการแข่งขันสูงขึ้น มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามา ทั้งจากบริษัท สตาร์ทอัป ที่เกิดใหม่ในประเทศและบริษัทผู้ให้บริการจากต่างประเทศ ทำให้ทูซีทูพีที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่จึงต้องเร่งขับเคลื่อนธุรกิจพร้อมสร้างการเติบโตที่มั่นคงในไทยมากขึ้น

สำหรับในปีนี้ บริษัทได้มีการจับมือเพิ่มพันธมิตรธุรกิจแบรนด์ดังมากมาย อาทิ บริษัทไปรษณีย์ไทย, แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป, สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA), บริษัท อินเวสทรี (ไทยแลนด์) หรือแม้แต่การเข้าร่วมพันธมิตรสถาบันการเงินของต่างประเทศ เพื่อเพิ่มการให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ ได้แก่ วิง (Wing) ในกัมพูชา ธนาคาร CB Bank ในพม่า ธนาคารเวียดนาม ไซ่ง่อนจอยต์สต๊อกคอมเมอร์เชียลแบงก์ (เอสซีบี) และบริษัท อีมันนี่ เพย์เม้นท์โซลูชั่น เป็นต้น

“ปัจจุบันทูซีทูพีให้บริการลูกค้าหลากหลายรูปแบบ อาทิ บริการ Payment Gateway การรับชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิต, บริการ Qwik สำหรับร้านค้าที่ขายผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์คกิ้ง (social commerce), บริการออกกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ออกบัตรเวอร์ชัวร์ ออกบัตร Prepaid ทั้ง MasterCard และ Visa และบริการ easyBills ศูนย์รวมรวมจ่ายบิลสาธารณูปโภค รวมทั้งการให้บริการโอนเงินข้ามประเทศที่เพิ่มเข้ามาใหม่ล่าสุด

ทั้งนี้บริษัทในกลุ่มทูซีทูพีได้ขยายออฟฟิศไปแล้วกว่าใน 10 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ไทย สิงคโปร์ มาเลย์เซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย พม่า เวียดนาม ฮ่องกง ยูเครน และฟินแลนด์ และยังมีเครือข่ายที่สามารถให้บริการได้ในอีกหลายๆ ประเทศนอกเหนือจากนี้ ได้แก่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี อินเดีย รวมทั้งประเทศในทวีปยุโรปด้วย” นายปิยชาติ กล่าวสรุป