อีกปัญหาที่หลายคนกลัวเมื่อทำหัตถการด้วย
ฟิลเลอร์ คือ การไหลไปส่วนอื่นของใบหน้า ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นไปได้ไหม มีโอกาสมากน้อยแค่ไหน รวมถึงปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายกันมากมายหลายยี่ห้อ หลายรุ่น สิ่งที่น่ากังวลใจอีกอย่างคือจะมีวิธีตรวจฟิลเลอร์ของปลอมอย่างไรบ้าง เรื่องนี้จะไม่เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอีกต่อไป ไม่เชื่อตามเราไปศึกษาผ่านบทความนี้ได้เลย
ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปแล้วจะไหลไปส่วนอื่นของใบหน้าเป็นไปได้ไหม?จริง ๆ แล้วความเป็นไปได้ที่ผลิตภัณฑ์จะไหลไปส่วนอื่น แต่มีโอกาสมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังต่อไปนี้
- ใช้ผิดประเภท : ด้วยความที่ปัจจุบัน Filler มีจำหน่ายมากยี่ห้อมากรุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยที่แตกต่างกัน เนื้ออ่อน เนื้อแข็งมีหมดต้องใช้ให้เหมาะสมกับผิวหนัง หรือตำแหน่งที่ฉีดด้วย เพราะหากเลือกผิด นำผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิว ก็มีโอกาสที่จะเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งอื่นของใบหน้าได้
- ใช้ของปลอม : การใช้ของปลอมซึ่งมีส่วนผสมของซิลิโคนเหลวและพาราฟินมักจะอวดอ้างว่าสามารถอยู่ได้นานเกิน 5 ปี หรือเป็นแบบกึ่งถาวร ทั้งที่จริงไม่ได้เป็นแบบนั้น และการที่สารเหล่านี้อยู่ในร่างกายนาน หรือหมดอายุก็อาจกลายเป็นผังผืด มีโอกาสเคลื่อนไปตำแหน่งอื่นได้
อยากรู้ฟิลเลอร์ไหนปลอมมีวิธีตรวจสอบอย่างไร?- มาตรฐานความปลอดภัย
แนะนำให้ดูมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งต้องมีบอกไว้อย่างชัดเจนสามารถตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ได้ ช่วยให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด - ราคาเหมาะสม
ราคาที่เราฉีดแต่ละตำแหน่งต่างกัน แนะนำให้ลองเปรียบเทียบราคาของเรากับราคาตลาดดู กรณีที่มีราคาถูกกว่ามากให้สงสัยเลยว่าอาจเป็นผลิตภัณฑ์ปลอม ซึ่งมีความเสี่ยงต่อร่างกายอยู่มาก - ผลิตภัณฑ์ที่วางขายตามอินเทอร์เน็ต
ใครที่จะฉีดฟิลเลอร์แล้วเห็นว่ามีขายอยู่ตามอินเทอร์เน็ตให้รู้ไว้เลยว่าเป็นของปลอมมากกว่า เพราะการจะซื้อมาใช้ได้ต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งแพทย์ต้องมีใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาล หรือใบประกอบวิชาชีพโดยเฉพาะ - ใช้แอปพลิเคชันเข้ามาช่วย
อีกวิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ถูกต้องคือการดาวน์โหลดแอปฯ eZTracker มาใช้งาน นี่คือแอปฯ เช็คว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นของจริงหรือไม่ เมื่อดาวน์โหลดแล้วให้ทำการสแกน QR Code ลงบนผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ก็จะปรากฏให้เห็น
ฟิลเลอร์ ฉีดตำแหน่งไหน ปริมาณเท่าไหร่บ้าง?สำหรับที่ยังคงสนใจอยู่ อยากรู้ว่าฉีดตำแหน่งไหน ปริมาณเท่าไหร่บ้าง บอกเลยว่าในแต่ละตำแหน่งจะใช้ปริมาณที่ต่างกัน เช่น หยดน้ำจะใช้ปริมาณ 1 ml. จมูกจะใช้ปริมาณ 1 ml. ปากจะใช้ปริมาณ 1 – 2 ml. ร่องแก้ม/ร่องใต้มุมปากจะใช้ปริมาณ 1 – 2 ml. คางจะใช้ปริมาณ 1 – 2 ml. แก้มจะใช้ปริมาณ 2 – 4 ml. ขมับจะใช้ปริมาณ 2 – 3 ml. หน้าผากจะใช้ปริมาณ 4 – 6 ml. ทั้งนี้ ยังขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่มีของผู้ใช้บริการแต่ละคนด้วย โดยจะมีการประเมินทุกครั้งก่อนฉีด
การฉีดฟิลเลอร์แล้วนั้นอาจมีผลข้างเคียงตามมา เช่น บวมแดง นูนช้ำเป็นปกติ แต่ก็จะหายได้เอง 2 – 3 วันตามลำดับ ซึ่งจะเข้าที่ภายใน 14 – 30 วัน สามารถอยู่ได้นาน 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ไม่ว่าจะ ยี่ห้อหรือรุ่น โดยเฉพาะของแท้ที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก ความคล้ำหมองต่าง ๆ ของแต่ละตำแหน่งบนใบหน้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ขอบคุณบทความดี ๆ เว็บไซต์
https://www.galdermaaestheticsthailand.com/page/dermal-filler
