͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: อสังหาฯปีนี้ทรุดหนักติดลบ15% ลุ้น4เดือนสุดท้ายโควิดคลี่คลาย  (อ่าน 121 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 18534
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แม้การคลายล็อกดาวน์จะเป็นสัญญาณบวกของภาคธุรกิจ แต่มีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของโควิดที่ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะยุติลงอย่างไร กระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว กำลังซื้อผู้บริโภคซบเซา ขณะที่สถาบันการเงินยังเข้มงวดในการให้สินเชื่อ มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูง

รวมถึง ตัวเลขลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ (Walk in) ก็ยังไม่ดีขึ้น แม้จะมีการใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมากขึ้นสามารถช่วยได้ระดับหนึ่ง ที่สำคัญลูกค้าที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโดมิเนียมยังต้องการมาดูโครงการด้วยตนเอง ไม่ใช่ดูผ่านออนไลน์แล้วจะตัดสินใจซื้อ 100% ทันที

"สิ่งที่กังวลช่วงเวลานี้ คือภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ดีและไม่มีความชัดเจนว่าจะดีขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ ปัญหาโควิดยังไม่รู้ว่าจะไปอย่างไรต่อ จะวนกลับมาระลอก 5 ระลอก 6 หรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ ส่งผลต่อความไม่เชื่อมั่นที่สะสมตัวอยู่ ทำให้คนกลัวไม่กล้าจับจ่ายเพราะไม่อยากสร้างหนี้ ชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งสินค้าต่าง ๆ ยิ่งความไม่สงบทางการเมือง คนรู้สึกไม่มั่นใจ ทำให้ชะลอการซื้อเพื่อลงทุน รอดูสถานการณ์ (wait and see) หากเป็นเช่นนี้ตลาดอสังหาฯ ซบเซา"

ความกังวลหลัก 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ โรคระบาด และการเมือง เป็นตัวแปรต่อการปรับตัวของผู้ประกอบการอสังหาฯ ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายนี้ ทั้งการจัดโปรโมชั่น พร้อมปรับแผนการลงทุนใหม่ ระมัดระวังการขยายธุรกิจ สังเกตได้ว่า มีการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยลงจนถึงไม่มี ส่วนใหญ่เน้นระบายสต็อกเก่า

“หนทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาทุกภาคส่วนต้องพยายามทำให้ภาครวมของเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะอสังหาฯ เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของภาคเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจรวมไม่ฟื้น อสังหาฯ ไม่สามารถฟื้นตัวเองได้”


สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีนี้ ประเมินว่าตลาดคอนโดมิเนียมตัวเลข “ติดลบ” ไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน ส่วนบ้านจัดสรร คาดการณ์ติดลบเป็นตัวเลขหลักเดียว ไม่ถึง 10% หากนำตัวเลขสองตลาดนี้มารวมกัน ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้ น่าจะติดลบประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปี 2563 อยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่า แต่จะมากหรือน้อยระดับไหนต้องพิจารณาช่วงเวลาที่เหลือ 4 เดือนสุดท้ายนี้ หาก สถานการณ์จะดีขึ้นหรือว่าสถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม

ทั้งนี้ หากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดไม่เกิดระลอกใหม่ ไม่มีการติดเชื้อจำนวนมาก ไม่มีการปิดแคมป์ก่อสร้าง กระทบต่อตลาด จะทำให้ 4 เดือนจากนี้สถานการณ์จะไม่เลวร้ายมากนัก และไต่ระดับกลับมาอยู่ในภาวะทรงตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านจัดสรร จะยังคงไปได้แต่ตลาดคอนโดมิเนียมยังคงอยู่ในภาวะลำบากต่อเนื่อง