͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: “ซิสโก้” เผยเทรนด์ “คลาวด์แห่งอนาคต”  (อ่าน 97 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Naprapats

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14930
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


ซิสโก้ควงบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป สำรวจกลยุทธ์การปรับใช้คลาวด์ และความจำเป็นขององค์กรในการใช้คลาวด์ที่หลากหลาย พบองค์กรในเอเชียแปซิฟิกกำลังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยใช้เทคโนโลยี “คลาวด์แห่งอนาคต” โดยแต่ละองค์กรมีการกำหนด Cloud Journey ที่แตกต่างเพื่อสร้างมูลค่าทางธุรกิจ

นาวีน เมนอน ประธานประจำภูมิภาคอาเซียนของซิสโก้ กล่าวว่าซิสโก้นำเสนอโซลูชั่นที่ใช้ได้กับทุกระบบคลาวด์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทคโนโลยีคลาวด์ ด้วยระบบการตรวจสอบที่ครบถ้วนสมบูรณ์ของซิสโก้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบและจัดการโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชันได้อย่างครบวงจร เชื่อมต่ออย่างปลอดภัย พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันสำหรับในอนาคต

“การลงทุนด้านคลาวด์จะยังคงเป็นวาระสำคัญที่ต้องพิจารณาในการประชุมของผู้บริหารองค์กร ขณะที่องค์กรต่างๆ ดำเนินการออกแบบและพัฒนาระบบคลาวด์เพื่อรองรับอนาคต”

รายงานเกี่ยวกับอนาคตของคลาวด์ในเอเชีย-แปซิฟิก (The Future of Cloud in Asia Pacific) ของซิสโก้และบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (Boston Consulting Group - BCG) ชี้ว่าองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้ความสนใจในนวัตกรรมคลาวด์เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้องค์กรเพิ่มความรวดเร็ว ความคล่องตัว และประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างฉับไว

รายงานนี้สอดคล้องกับตัวเลขการใช้จ่ายงบประมาณโดยรวมสำหรับเทคโนโลยีคลาวด์ในภูมิภาคนี้ที่คาดว่าจะสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2567 ตามข้อมูลจากการ์ทเนอร์ โดยการลงทุนในระบบคลาวด์มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยกว่า 20% ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นหนึ่งในสามประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกที่มียอดใช้จ่ายด้านไอทีโดยรวมสูงสุด โดยครอบคลุมทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม โครงสร้างพื้นฐาน และบริการ ในส่วนของภูมิภาคอาเซียน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จัดอยู่ในกลุ่มผู้นำในแง่การเติบโตของการใช้จ่ายด้านคลาวด์ โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 25% ต่อปีภายในปี 2567

ข้อมูลจากรายงานดังกล่าวยังระบุถึงแนวทางที่องค์กรต่างๆ ในภูมิภาคนี้ใช้ประโยชน์จากพับบลิคคลาวด์ ไพรเวทคลาวด์ และไฮบริดคลาวด์ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้สอดรับกับความต้องการด้านธุรกิจ การดำเนินงาน และดิจิทัล รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น กฎระเบียบ ความเสี่ยง การขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอื่นๆ และความต้องการด้านข้อมูล ทั้งนี้ ความท้าทายที่สำคัญสำหรับองค์กรในยุคดิจิทัลปัจจุบันก็คือ ‘ความเข้าใจในการจัดการการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์ในลักษณะที่ราบรื่น ไร้รอยต่อ และปลอดภัย’

พราซานนา สันฐานาม กรรมการผู้จัดการและหุ้นส่วนของบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป, สิงคโปร์ กล่าวว่าไม่มีโซลูชั่นแบบ one-size-fits-all สำหรับโรดแมปของคลาวด์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจและไอทีจำเป็นที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับนวัตกรรมคลาวด์ที่หลากหลายและซับซ้อน รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ความท้าทายและความเสี่ยงของแต่ละแนวทางทั้งในระยะกลางและระยะยาว

“ขณะที่องค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับการพลิกฟื้นธุรกิจให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในโลกวิถีใหม่ นวัตกรรมคลาวด์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการสร้างแผนธุรกิจที่ต่อเนื่องและยั่งยืน”



รายงานฉบับนี้จำแนกประเภทขององค์กร 5 ประเภท ตามระดับของ Cloud Journey ได้แก่ Digital Native, Cloud Optimizer, Cloud Pragmatist, Cautious Adopter และ Cloud Onlooker พร้อมระบุถึงคุณลักษณะขององค์กรแต่ละประเภท รวมถึงข้อมูลวิเคราะห์ และบริบทที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ด้านคลาวด์ขององค์กรเหล่านี้ โดย Digital Native คือองค์กรที่เกิดขึ้นมาในยุคของเทคโนโลยีคลาวด์ และถูกสร้างขึ้นจากระบบคลาวด์ตั้งแต่แรกเริ่ม เทคโนโลยีคลาวด์ถูกผสานรวมเข้ากับธุรกิจอย่างกลมกลืน ขณะที่ธุรกิจถูกขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นดิจิทัล และระบบคลาวด์เป็นหลัก พับบลิคคลาวด์คือตัวเลือกหลักสำหรับองค์กรเหล่านี้ และเทคโนโลยีคลาวด์ทำให้องค์กรสามารถตอบสนองได้อย่างฉับไวต่อสถานการณ์ทางด้านธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และมีความคล่องตัวในการดำเนินงานในระดับที่ดีเยี่ยม

สำหรับ Cloud Optimizer องค์กรเหล่านี้จัดอยู่ในระดับแถวหน้าในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยมีการเปลี่ยนย้ายจากระบบรุ่นเก่าที่ล้าสมัยไปสู่ระบบคลาวด์ องค์กรประเภทนี้มีระบบคลาวด์ที่ทันสมัย และมักปรับใช้แนวทางที่มุ่งเน้นระบบคลาวด์สาธารณะ หรือพับบลิคคลาวด์เป็นหลัก

ขณะที่ Cloud Pragmatist เป็นองค์กรที่มีการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ แต่โดยทั่วไปแล้วจะเลือกใช้ระบบคลาวด์ภายในองค์กรหรือไพรเวทคลาวด์มากกว่าระบบคลาวด์สาธารณะหรือพับบลิคคลาวด์ เนื่องจากมีข้อกังวลใจเรื่องข้อมูลและเวิร์กโหลด นอกจากนี้ เนื่องจากองค์กรให้ความสำคัญต่อการควบคุมข้อมูล ความเสี่ยง และค่าใช้จ่าย ดังนั้นระบบคลาวด์สาธารณะหรือพับบลิคคลาวด์จึงถูกใช้งานในขอบเขตที่จำกัดสำหรับเวิร์กโหลดที่ไม่ค่อยมีความสำคัญต่อธุรกิจ ขณะที่ระบบคลาวด์ภายในองค์กรหรือไพรเวทคลาวด์รองรับเวิร์กโหลดสำคัญๆ

ด้าน Cautious Adopter เป็นองค์กรที่สวนทางกับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น เพราะองค์กรเหล่านี้ยังคงปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพียงแค่ในระดับของโครงการเท่านั้น และไม่ได้กำหนดกลยุทธ์สำหรับการใช้งานระบบคลาวด์ทั่วทั้งองค์กร ผู้บริหารยังขาดความเข้าใจในเรื่องประโยชน์ของเทคโนโลยีคลาวด์ ดังนั้นจึงไม่มีการกำหนดทิศทางที่ชัดเจนในเรื่องการพัฒนาสู่ระบบคลาวด์

สุดท้ายคือ Cloud Onlooker องค์กรเหล่านี้ไม่ได้พิจารณาถึงการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อรองรับเป้าหมายทางธุรกิจ แต่มองว่าเป็นเพียงแค่รูปแบบหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และไม่มีแผนงานที่เป็นรูปธรรมสำหรับการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโมเดลธุรกิจและกลยุทธ์การดำเนินงาน แต่ผู้บริหารอาจริเริ่มการใช้งานโซลูชั่นคลาวด์แบบแยกส่วน หากเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับ

จากข้อมูลการจำแนกประเภทขององค์กรตามที่ระบุข้างต้น รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้บริหารองค์กรธุรกิจกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับ cloud journey ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นคือขั้นเริ่มต้นที่อาจมีการปรับใช้ในลักษณะเฉพาะกิจ ขั้นทดลองที่จะมีการใช้ประโยชน์จากระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขั้นขยายขอบเขตที่เริ่มมีการใช้ระบบคลาวด์ที่บูรณาการเข้ากับระบบหลักของธุรกิจ และขั้นที่ 4 คือดำเนินการในขอบเขตที่กว้างขวาง