ส.อ.ท.
แจกพันธุ์ฟ้าทะลายโจรฟรีให้โรงงานสมาชิกนำไปปลูกเพื่อป้องกันโควิด-19 ดีเกินคาดล็อตแรก 1 แสนเมล็ดไม่พอจัดหาส่งมอบให้เพิ่มเป็น 3 แสนเมล็ดจากโรงงานที่ยื่นขอกว่า 2,400 แห่งล่าสุดปิดลงทะเบียนแล้ว พร้อมเร่งจัดหาชุด ATK เพิ่มอีก 5.5-1 แสนชุดหลังจาก 5.5 หมื่นชุดหมดเกลี้ยง พร้อมผนึกทำศูนย์พักคอยในโรงงานลดคลัสเตอร์โรงงานมั่นใจสถานการณ์จะดีขึ้นยึดหลัก”ติดโควิด ต้องไม่ปิดโรงงาน”
นายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล ประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร และในฐานะประธานคณะทำงานด้านข้อมูลโควิด สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คณะทำงานฯได้มีการดำเนินการเพื่อดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะโรงงานที่เป็นสมาชิกส.อ.ท.เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์โรงงานเพิ่มขึ้นซึ่งมุ่งเน้น 3 เรื่องได้แก่ 1. การจัดกิจกรรมแจกเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจรให้กับโรงงานที่เป็นสมาชิกส.อ.ท.เพื่อนำไปปลูกในพื้นที่โรงงานในการดูแลป้องกันโควิด-19ให้กับแรงงานโดยเปิดให้ลงทะเบียนในล็อตแรก 100,000 เมล็ดพันธุ์พบว่าเพียงวันเดียวมีการจองมาจนครบและส.อ.ท.ได้ดำเนินการจัดหาเพิ่มและส่งมอบไปแล้วรวมทั้งสิ้น 300,000เมล็ดตามความต้องการของโรงงานที่แจ้งเข้ามาทั้งสิ้นกว่า 2,400 โรงงานและล่าสุดได้ทำการปิดรับลงทะเบียนแล้ว
“ โควิด-19ที่ระบาดมากขึ้นทำให้ฟ้าทะลายโจรขาดแคลน เราจึงคิดที่จะจัดหาให้สมาชิกฟรีซึ่งได้รับการตอบรับเกินคาดจากที่คิดว่าจะแจกเพียง 100,000 เมล็ดจึงทำการจัดหาเพิ่มจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรรุ่นใหม่หรือ Young Smart Farmer เพื่อแจกจ่ายให้ครบตามที่โรงงานได้ยื่นลงทะเบียนขอมาเนื่องจากขณะนี้ต้องยอมรับว่าโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จำนวนมาก การพึ่งพาตนเองขณะนี้มีความจำเป็น” นายศักดิ์ชัยกล่าว
ทั้งนี้การแจกเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจรดังกล่าวได้ทำบรรจุถุงพร้อมจัดทำคลิปและคู่มือการเพาะปลูกซึ่งฟ้าทะลายโจรถือเป็นพืชที่ปลูกง่าย เมื่อมีดอกจะมีฝักที่สามารถกระจายแล้วขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นเอง ขณะเดียวกันยังทำคู่มือวิธีทำยาฟ้าทะลายโจรที่สามารถดำเนินงานได้ 3 รูปแบบคือ 1. ใช้ใบสดต้มดื่ม 2. ตากใบแห้งแล้วบดบรรจุแคปซูลและ 3. นำใบตากแห้งผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน ซึ่งยาฟ้าทะลายโจรนี้นับเป็นโอกาสและอนาคตของไทยที่จะถูกพัฒนาเพื่อการส่งออกได้หากมีการวิจัยและพัฒนาที่มากขึ้น
สำหรับแนวทางที่ 2 คือการจัดหาชุดตรวจโควิดเร่งด่วน(Antigen Test Kit)หรือ ATK เพื่อสนองตอบความต้องการของโรงงานที่เป็นสมาชิกส.อ.ท.ที่เพิ่มขึ้นในการนำไปตรวจให้กับแรงงานเนื่องจากเริ่มหาซื้อยากโดยได้จัดหากับผู้นำเข้าที่ผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อ.ย.)แล้วจำนวน 5.5 หมื่นชุดในเบื้องต้นและมีความต้องการเข้ามาเพิ่มกำลังประสานจัดหาเพิ่มอีก 5.5หมื่น -1 แสนชุดโดยการจัดหาส.อ.ท.จะให้เป็นลักษณะการบริจาคเงินโดยชุดตรวจที่จัดหาจะมีต้นทุนต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไปคิดเป็นเพียง 4,400 บาทต่อกล่อง(กล่องละ20ชุด)
“ ที่ผ่านมาเราได้เชิญหน่วยงานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกรมควบคุมโรคมาอบรมการใช้ การใช้ATK ให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงงานที่ได้ลงทะเบียนมาอบรวมกว่า 1,000 โรงงานซึ่งจะเห็นว่าโรงงานมีการตื่นตัวในการป้องกันมากเพราะการตรวจที่ถูกวิธีจะได้ผลที่ชัดเจนกว่า รวมถึงการทิ้งชุดตรวจเพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออย่างถูกวิธี”นายศักดิ์ชัยกล่าว
แนวทางที่ 3 ได้แก่ ดำเนินมาตรการ “บับเบิล แอนด์ ซีล” (bubble and seal) ซึ่งเป็นการควบคุมคนในโรงงานไม่ให้กระจายเชื้อไปยังส่วนอื่นหรือติดเชื้อให้น้อยสุดโดยยึดหลักการ”ติดโควิด ไม่ต้องปิดโรงงาน” โดยหากพบการติดเชื้อจะมีการทำโรงพยาบาลสนามสำหรับพักผู้ป่วยหรือศูนย์พักคอย(Factory Isolation)ในโรงงานทันทีโดยแจ้งไปยังสาธารณสุข และกรมควบคุมโรคในการจัดสร้างซึ่งล่าสุดได้เริ่มดำเนินการแล้วในบางแห่งวิธีนี้จะทำให้สถานการณ์คลัสเตอร์โรงานจะดีขึ้นแน่นอน