อัพเดทข่าว "
เยียวยาประกันสังคม" ล่าสุด นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ อนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจำนวน 15,027.686 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,522.99 ล้านบาท จากเดิม 13,504.696 ล้านบาท
โดยเพิ่มจากเดิม 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด ซึ่งพื้นที่ 3 จังหวัดที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา พร้อมมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเร่งประมาณการจำนวนนายจ้างและผู้ประกันนมาตรา 33 กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะขี้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า กรอบวงเงิน 15,027.686 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินช่วยเหลือให้แก่นายจ้างในระบบประกันสังคมใน 9 ประเภทกิจการ ใน 13 จังหวัดกลุ่มเป้าหมาย 7,238.631 ล้านบาท
และเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 สัญชาติไทยที่เป็นลูกจ้างในกิจการของนายจ้างตามคุณสมบัติ จำนวน 7,789.055 ล้านบาท ซึ่งทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา ยังจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้
ผู้ประกันตน ม.33 ที่ว่างงานจากโควิด จะได้เงินชดเชย 50% ของค่าจ้าง
แจ้งข้อมูลสำหรับผู้ประกันตน ม.33 ที่ว่างงานจากสถานการณ์โรคโควิด–19 ขณะนี้สามารถขอรับสิทธิว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยฯ ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติต่อ พ.ศ. 2563 ได้ โดยจะได้รับเงินชดเชย 50% ของค่าจ้างรายวัน สูงสุด 90 วัน ซี่งผู้ประกันตนจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1.ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ใน 15 เดือนย้อนหลังก่อนวันที่ว่างงาน
2.ไม่ได้ทำงานเนื่องจากนายจ้างหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งของทางราชการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผู้ประกันตนไม่ได้รับค่าจ้างระหว่างนั้น
โดยนายจ้างจะต้องแจ้งขอรับสิทธิให้แก่ผู้ประกันตนผ่านระบบ e-service และส่งเอกสาร สปส.2-01/7 พร้อมสำเนาสมุดบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน ไปที่ สนง.ประกันสังคมในพื้นที่ภายใน 3 วันทำการ นับจากวันที่บันทึกข้อมูลในระบบ e-service โดยไม่ต้องเดินทางมาติดต่อที่ สนง.ประกันสังคม
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันสังคม 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง