สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดซื้อ
น้ำหอม คงกำลังสงสัยกันว่าน้ำหอมตามเคาท์เตอร์แบรนด์ที่ไปสอบถามมาทำไมมันถึงมีการแยกประเภทกันหลายประเภท แล้ว EDP คืออะไร EDT คืออะไร แถมยังมีอื่นๆ แยกย่อยให้งงกันเข้าไปอีก วันนี้เรามาดูความหมายของน้ำหอมแต่ละประเภทกันว่ามันต่างกันอย่างไรบ้าง
1. น้ำหอมประเภท Eau de Parfum (EDP) คือน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในสัดส่วนที่ 15-18 % ซึ่งจะสามารถให้กลิ่นที่ทนนานถึง 6-8 ชั่วโมง น้ำหอมประเภทนี้จึกเหมาะสำหรับคนที่ต้องเดินทางไปทำงานแล้วไม่สะดวกพกน้ำหอมไปฉีดเพิ่มระหว่างวัน
2. น้ำหอมประเภท Eau de Toilette (EDT) คือน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในสัดส่วนที่ 4-8 % ซึ่งจะสามารถให้กลิ่นที่ติดทนนานถึง 4-6 ชั่วโมง เหมาะสำหรับใช้ก่อนไปช้อปปิ้งเดินเล่นเบาๆ ไม่ได้ออกไปไหนนาน
3. น้ำหอมประเภท Eau de Cologne (EDC) คือน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในสัดส่วน 3-5% ซึ่งจะสามารถมีกลิ่นทนนานเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมง ดังนั้นต้องคอยเติมระหว่างวันหากใช้น้ำหอมประเภทนี้
4. น้ำหอมประเภท Eau Fraiche คือน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในสัดส่วนที่ 1-3% ซึ่ง จะสามารถมีกลิ่นทนนานเพียงแค่ 3 ชั่วโมง จึงต้องคอยพกน้ำหอมประเภทนี้มาเติมระหว่างวันเช่นเดียวกัน
5. น้ำหอมประเภท AfterShave คือน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในสัดส่วนที่ 0-1 % และด้วยความที่มีสัดส่วนของน้ำมันหอมที่น้อยจึงทำให้น้ำหอมประเภทนี้จะสามารถให้กลิ่นทนนานได้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้มันไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรด้วยระยะเวลาของกลิ่นที่ติดทนค่อนข้างสั้น
6. น้ำหอมประเภท Parfum Extrait คือน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในสัดส่วนที่ 20-30 % ซึ่งจะสามารถให้กลิ่นที่ทนทานยาวนานกว่า 12 ชั่วโมง+ และด้วยความทนทานตลอดวันนี้ จึงทำให้น้ำหอมประเภทนี้มีราคาสูงมากที่สุดตามมาด้วยนั่นเอง
เป็นอย่างไรบ้าง เชื่อว่าตอนนี้หลายๆ คนคงเริ่มเข้าใจและแยกออกแล้วว่าตัวย่อที่เราเห็นกันบ่อยๆ อย่าง EDP, EDT นั้นมันหมายถึงอะไร และสามารถเลือกใช้
น้ำหอม ysl ให้เหมาะสมได้หลังจากนี้