แนะนำวิธีรีไฟแนนซ์บ้านทำอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด
การรีไฟแนนซ์บ้านคือการขอกู้จากสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อมาปลดภาระหนี้สินที่มีอยู่กับสถาบันการเงินเดิม โดยส่วนใหญ่แล้วจะทำได้เมื่อ
ซื้อบ้านและผ่อนบ้านกับธนาคารเดิมไปแล้วสามปีและเหตุผลที่หลายคนเลือกทำก็เพราะไปเจอธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิมหรือผ่อนต่องวดต่ำลงกว่าเดิม ส่วนใหญ่เมื่อผ่านไปสามปีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจะสูงขึ้น ทำให้หลายคนเริ่มมองหาโอกาสที่ดีกว่าในระยะนี้
หากถามว่าทำอย่างไรจึงคุ้มที่สุด คำตอบคือเป็นเช่นเดียวกับการพิจารณาสินเชื่อส่วนบุคคลคือต้องเลือกธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าที่เคยจ่ายอยู่และพิจารณาว่าเมื่อครบอายุสัญญาจะต้องจ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ คำนวณได้โดยอ้างอิงจากสัญญาเดิมว่าตลอดอายุสัญญารวมเงินต้นและดอกเบี้ยแล้วต้องจ่ายเป็นเงินเท่าไหร่ จากนั้นเทียบเงื่อนไขกับธนาคารใหม่ว่าถ้าให้อายุการผ่อนชำระยาวนานเท่ากับสัญญาเดิม จะต้องจ่ายเท่าไหร่ (เช่นผ่อนที่เดิมมาแล้วสามปี ก็ควรผ่อนที่ใหม่อีก 17 ปีกรณีที่สัญญาเดิมมีอายุ 20 ปี) เมื่อคำนวณตามวิธีนี้ เราก็จะรู้ว่าสรุปแล้วจ่ายน้อยลงเท่าไหร่ คุ้มที่จะทำหรือไม่ สำหรับการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านกับเอสซีบี นอกจากจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงแล้ว ยังให้อิสระกับคุณในการจัดรูปแบบผ่อนชำระได้อีกด้วย
เมื่อมีเงินส่วนต่าง ก็มาถึงไฮไลท์สำคัญของเรา คือทำอย่างไรเงินที่เพิ่มเข้ามาจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดหรือคุ้มค่าที่สุด แต่ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าเงินจากการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านจะไม่ได้มีออกมาเป็นเงินส่วนต่างอย่างชัดเจน (ต่างจากการได้รับเครดิตเงินคืนในกรณีอื่น ๆ ที่จ่ายมาเป็นเงินก้อนแยกจากรายได้ตามปกติ) ฉะนั้นการจะดึงส่วนต่างนี้ออกมาได้จะต้องเกิดจากการควบคุมค่าใช้จ่าย เพราะหากไม่ทำ เราก็จะรู้สึกว่ามีเงินเพิ่มแล้วนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นดีกว่า ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็จะเป็นเพียงรายรับที่มีเข้ามาและจ่ายออกไป ไม่ก่อความคุ้มค่าในระยะยาว วันนี้เรามีสองวิธีใช้เงินส่วนนี้มาให้คุณครับ
• นำเงินส่วนต่างไปลงทุนกับหุ้นหรือกองทุนรวม แน่นอนว่าการลงทุนในสองส่วนนี้ ยังไงก็ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินกับบัญชีออมทรัพย์ โดยเฉพาะกองทุนรวม เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำถ้าเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น ฉะนั้นแทนที่จะผ่อนบ้านอย่างเดียว แบ่ง
เก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งไว้ลงทุนในส่วนนี้เป็นประจำด้วยจำนวนเงินที่สม่ำเสมอ ก็จะทำให้คุณมีเงินใช้อย่างสุขสบายหลังจากหมดภาระเรื่องบ้านไปแล้ว
• ลงทุนดูแลตัวเองในปัจจุบันและมอบความสบายใจให้คนในครอบครัวด้วยการซื้อประกันชีวิตที่พ่วงประกันสุขภาพไว้ด้วย การทำเช่นนี้จะทำให้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ คุณจะไม่ต้องปวดหัวเรื่องค่ารักษาพยาบาลและเมื่อเสียชีวิต คนข้างหลังก็ยังมีทุนในการดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไม่ติดขัด หรือหากถึงวันนั้นแล้วคุณยังมีภาระจาก สินเชื่อส่วนบุคคล รายการอื่น เงินส่วนนี้ก็จะช่วยปลดหนี้ให้คุณได้ ทำให้ภาระหนี้ไม่ตกไปถึงคนข้างหลัง
ความคุ้มค่าของการ รีไฟแนนซ์บ้าน จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณมีการวางแผนอย่างชัดเจน รู้ว่าส่วนต่างที่ได้มีเท่าไหร่และจะนำเงินส่วนต่างนั้นไปลงทุนอย่างไร เชื่อว่าสองวิธีที่เล่าไป ถ้าทำจริง คุณจะได้ทั้งการดูแลตัวเองในปัจจุบัน นอกจากสินเชื่อบ้านที่กล่าวไปแล้ว ยังมีสินเชื่อเพื่อซื้อ
บ้านมือสองจาก SCB ทรัพย์ธนาคาร อีกด้วย เพื่อให้มีเงินไว้ใช้เมื่อไม่ได้ทำงานและยังมีเงินก้อนให้คนข้างหลังไว้ตั้งตัวอีกด้วย
ที่มาของข้อมูล:
https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/home-loans/refinance-loan.htmlhttps://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/how-to-make-money-from-refinance.html
