͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: “Fetco” เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน ต.ค.สูงสุด “ร้อนแรงอย่างมาก”   (อ่าน 31 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Chigaru

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13685
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index ) ผลสำรวจในเดือน ต.ค.64 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 168.69 สูงสุดตั้งแต่เริ่มทำการจัดทำดัชนี โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.2% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”

โดยนักลงทุนคาดหวังการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่หลังเปิดประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ผลสำรวจโดยสรุปดังนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุน อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.2% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ระดับ 168.69/ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ “ร้อนแรงอย่างมาก” ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ “ร้อนแรง” ส่วนหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุดคือ หมวดประกันภัยและประกันชีวิต (INSUR) สำหรับปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดคือ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดคือ ความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่หลังเปิดประเทศ

ประธานกรรมการ สภาสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยังให้ความเห็นหากเปิดเมือง แล้วเกิดการระบาดของโควิดเพิ่มขึ้น จะกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนมากน้อยเพียงใดว่า ทั้งหมดขึ้นกับมาตรการของภาครัฐว่าจะรับมือกับการระบาดอย่างไร มีมาตรการทางด้านสาธารณสุขเช่น โรงพยาบาลหรือเตียงเพียงพอ หรือ มาตรการโฮมไอโซเลชั่นที่ดี อาจไม่ใประเด็นที่น่าห่วง เช่น ในสหรัฐ ที่ยังคงมีตัวเลขผู้ป่วยวันละเป็นแสนคน จึงเชื่อว่านักลงทุนจะไม่ห่วง เว้นแต่ ภาครัฐหันมาใช้มาตรการปิดธุรกิจ หรือ ล็อคดาวน์อีกครั้ง

ส่วนตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังเปิดเมือง 1 พ.ย.64 นั้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวคงยังไม่เพิ่มขึ้นมากในปีนี้ แต่ปี 2565 ที่มีการประเมินจีดีพีที่ 3.5 บนฐานนักท่องเที่ยวประมาณ 10 ล้านคน แต่หากมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่านั้นเช่น 10-15 ล้านคนขึ้นไปถึงจะมีผลเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับฟันโฟลด์ที่น่าจะไหลเข้ามาในประเทศมากขึ้นในปีหน้า หากเราทำให้เศรษฐกิจโตได้มากกว่า 4% เงินอาจไหลเข้ามาถึง 1 แสนล้านบาท