͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: หนุ่มเมืองเลย กลับจากญี่ปุ่นยังไม่เข้าบ้าน กักตัวนอน เถียงนา 10วันไร้ไฟฟ้า-ประปา  (อ่าน 299 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Joe524

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15799
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
16 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เลย ว่า จากการที่รัฐบาลออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 โดยกำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยงต้องกักตัวเอง เพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งในพื้นที่ จ.เลย มีบุคคลที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายราย


นายพิทักษ์ (สงวนนามสกุล) หนุ่มใหญ่วัย 36 ปี จาก อ.หนองหิน จ.เลย เป็นอีกคนหนึ่งที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในบัญชีประเทศกลุ่มเสี่ยง โดยนายพิทักษ์สมัครใจเข้าสู่กระบวนการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ไม่ได้มีอาการป่วยที่ส่อเข้าข่ายแต่อย่างใด โดยหลังจากเดินทางมาถึงไทย และ อ.หนองหิน บ้านเกิด ก็มุ่งหน้าไปที่กระท่อมปลายนาของพ่อแม่ทันที โดยยังไม่ได้ย่างกรายเข้าไปเหยียบบ้านเลย นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาครึ่งทางสำหรับการกักตัว 14 วันแล้ว



นายพิทักษ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเป็นพนักงานบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ได้เดินทางไปฝึกอบรมงานที่ประเทศญี่ปุ่น 1 ปี ครบกำหนดเดินทางกลับวันที่ 7 มีนาคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนหน้าที่จะเดินทางกลับ ตนและเพื่อนๆก็เฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่อย่างต่อเนื่อง ที่ศูนย์ฝึกอบรมได้มีการวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานทุกคนก่อนปฏิบัติงานทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา

จนกระทั่งถึงวันที่ต้องเดินทางกลับ ก่อนขึ้นเครื่องและอยู่บนเครื่อง ตนมีหน้ากากปิดจมูก 2 ผืน ไม่เปิดหน้ากาก และไม่กินอะไรทั้งวัน หลังจากลงเครื่อง บริษัทส่งรถตู้มารับกลับบ้านพักที่ จ.ชลบุรี ตนได้นัดแนะกับภรรยาที่บ้านให้เตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตกักตัวเอง 14 วันใส่รถไว้ให้ และเตรียมรถจอดไว้หน้าบ้าน

“ผมมีเวลาคุยกันกับภรรยาประมาณ 10 นาที ยืนห่างกันราว 10 เมตรได้ โดยที่ผมไม่ได้เข้าไปเหยียบในบ้านของตัวเองเลย ยืนคุยกับภรรยาอยู่ด้านนอกของรั้วบ้าน” นายพิทักษ์ กล่าว



นายพิทักษ์ กล่าวอีกว่า จากนั้นตนขับรถจากบ้านที่ชลบุรีมุ่งหน้ามายังบ้านเกิดที่ จ.เลย เป้าหมายแรกคือเถียงนา ในระหว่างเดินทางอาหารมื้อแรกที่ตกถึงท้อง คือ อาหารในปิ่นโตที่ภรรยาเตรียมไว้ให้ จนกระทั่ง เช้าของวันที่ 8  มีนาคม 2563 ได้เดินทางมาถึงเถียงนา ซึ่งทางบ้านที่ จ.เลย ได้เตรียมไว้รองรับในระดับหนึ่งแล้ว แต่ต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง

“เมื่อคนในหมู่บ้านทราบข่าวว่ามีคนเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาก็เป็นกังวล กลัวไวรัสที่กำลังระบาดอยู่ ข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างกลัวผมเป็นอย่างมาก จริงๆแล้วผมยังไม่ได้เข้าไปเหยียบในหมู่บ้านเลย  แต่ปัญหานี้ก็คลี่คลายลงเมื่อเช้าวันถัดมา เมื่อผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่ อสม.ได้ประสานงานร่วมกับสาธารณสุขอำเภอหนองหิน เข้ามาทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19  และวิธีการป้องกัน รวมทั้งให้ความรู้ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิธีการป้องกันตัวเอง ทำให้ชาวบ้านมีความเข้าใจมากขึ้น  และคลายความกังวลลงไปได้” นายพิทักษ์ กล่าว



นายพิทักษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความเป็นอยู่ที่กระท่อมปลายนานั้น ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา แต่ด้วยความที่ว่าครอบครัวของตนเป็นเกษตรกร มีบ่อน้ำบาดาลอยู่บริเวณเถียงนาด้วย จึงใช้เครื่องปั่นไฟดูดน้ำขึ้นมาใช้อุปโภค และชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่างในเวลากลางคืน รวมถึงกาต้มน้ำร้อน ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆถูกแยกออกจากคนในครอบครัวอย่างชัดเจน แม้กระทั่งอาหารที่นำมาส่งจะถูกใส่ถุงพลาสติกและแขวนไว้ที่หน้ากระท่อม ตนก็จะมีแอลกอฮอล์ไว้สำหรับให้คนที่มาส่งอาหารได้ทำความสะอาดมือก่อนที่จะกลับเข้าบ้าน

สภาพที่พักอากาศร้อนมาก และอย่างที่รู้ๆกันว่านอนคนเดียวมันน่ากลัวขนาดไหน ทุกๆวันตนจะมีการวัดไข้วันละ 3 รอบ เช้า กลางวัน  เย็น แล้วส่งให้กับผู้บริหารและพยาบาลที่บริษัท รวมทั้งเจ้าหน้าที่ รพ.สต.ของ ต.ปวนพุ และเจ้าหน้าที่อนามัยก็ได้แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเป็นประจำ ผู้บริหารที่บริษัทก็คอยคุยผ่านทางไลน์กลุ่มทุกวัน ติดตามอาการอย่างดีมาตลอด

“ขณะนี้ผมติดตามสังเกตอาการตัวเองมาวันนี้ (16 มีนาคม 2563)  เข้าสู่วันที่ 10 แล้ว ถือว่ายังปกติดี  คิดถึงพ่อแม่ ญาติพี่น้อง อย่างมาก อยู่ห่างกันแค่นี้ยังไม่ได้เจอกันแบบใกล้ชิด แต่บอกตัวเองว่าต้องอดทน ต้องอยู่ให้ได้ ผมขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เป็นกำลังใจ สิ่งที่ผมทำอยู่นี้เป็นการรับผิดชอบต่อตนเอง เป็นเพียงกำลังเล็กๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และผมคิดว่าถ้าผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้ สังคมจะดีต้องเริ่มต้นที่คนในสังคมต้องเป็นคนดีครับ” นายพิทักษ์ กล่าว