͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ศึกยารักษาโควิด  (อ่าน 28 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Cindy700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15685
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ศึกยารักษาโควิด
« เมื่อ: 10 2021-11-10 2021 04:%i:1636492948 »


ชิงดำกันน่าดู  เมื่อยักษ์ใหญ่ในวงการยาขับเคี่ยวกันเป็นเทพแห่งการป้องกันและรักษาโควิด 19 แม้ว่าจะตั้งอยู่บนเรื่องผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก  แต่โดยรวมแล้วย่อมส่งผลดีต่อชาวโลกในที่สุด แต่ขอความกรุณาลดราคาลงบ้างเถอะ

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา  บริษัทเมอร์ค แอนด์ โค (Merck & Co)  ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอเมริกาประกาศปังดังลั่นโลกว่า เราผลิตยารักษาโควิด 19 ได้แล้วจ้า แหม..ทางฝั่งเอเซียเรามียารักษาโควิดมาก่อนหน้าแล้ว  อย่างจีนก็ผสมยารักษาจนหายดีกันทุกราย บ้านเราจัดฟ้าทะลายโจรรักษาหายขาดมานักต่อนักแล้ว แต่นั่นแหละ เมื่อฝรั่งป่าวประกาศ ชาวโลกย่อมแซ่ซ้องสรรเสริญเยินยอ



 เมอร์คประกาศว่ายา ‘โมลนูพิราเวียร์’ (Molnupiravir) มีประสิทธิภาพต่อต้านเชื้อโควิด 19 ทุกสายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์เดลตา แถมช่วยป้องกันการเจ็บป่วยถึงขั้นนอนโรงพยาบาลได้ถึง 50% ป้าดดิโถ..ข่าวดีที่แท้ทรู  นี่ไม่ใช่ข่าวดีเฉพาะแค่ในอเมริกา แต่ถือเป็นข่าวดีของโลกเลยทีเดียว ตอนนี้ชาติไหนผลิตยาหรือวัคซีนหรืออะไรก็ตาม ที่สามารถลดอัตราการป่วยการตายของชาวโลกได้ถือว่าดีทั้งนั้น 

แม้ว่าจะดีอกดีใจ แต่ทุกคนเลิ่กลั่กเมื่อรู้ราคายามหาเทพ ยาหนึ่งชุดใช้รับประทานห้าวันต้องจ่าย 712 ดอลลาร์ หรือ 24000 บาท ขออนุญาตยกมือทาบอกแล้วอุทานว่า “คุณพระ” แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่พระไพร่วันหรือสมปอง เพราะอาการคุ้มดีคุ้มร้าย เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้ไลฟ์สด

จะว่าไปแล้วบริษัทยาไม่ว่าจะที่ไหน ก็บวกโน่นนี่จนทำให้ค่ายาจนแพงกว่าความเป็นจริงทั้งนั้น โดยเฉพาะยาที่เป็นที่ต้องการในตลาดโลก จากยาราคาไม่แพงกลายเป็นราคามหาโหดได้ในพริบตา ไอ้ยาโมลนูพิราเวียร์ นี่ราคาจริงแค่ชุดละ 17.74 ดอลลาร์ หรือ 601 บาทเองนะ     แต่บริษัทยาขายตั้งชุดละ 712 ดอลลาร์หรือราว 24,000 บาท


 
พอเห็นเมอร์คประกาศชัย ไวอะกร้า เอ๊ย ไฟเซอร์ก็ร้อนรนทนไม่ได้ ถึงขั้นปรุงยากันอย่างเร่งด่วน แล้วประกาศปังในเดือนนี้ว่า อะฮ้า..บริษัทข้าก็ผลิตยารักษาโควิด 19 สำเร็จเหมือนกันโว้ย

อาทิตย์นี้ไฟเซอร์ประกาศลั่นโลกว่า ตอนนี้ไฟเซอร์ทดลองยาขั้นสุดท้ายแล้ว แถมเกทับอีกว่า ไอ้ยาของไอเนี่ยนะ สามารถลดโอกาสที่ผู้ป่วยเสี่ยงติดเชื้ออาการรุนแรงจะเข้าโรงพยาบาล หรือเสียชีวิตได้ 89%   เลยนะ

เอาแล้วไง..เมอร์คบอกยารักษาโควิด 19 ของไอเจ๋ง  ป้องกันการไปนอนยิ้มแห้งๆ ในโรงพยาบาลได้ตั้ง 50 % ส่วนไฟเซอร์บอกว่า ของไอดีกว่ามั้ย ป้องกันได้ตั้ง 89 % ปาดหน้าเค้กกันเห็นๆ แล้วออกข่าวทันทีทั้งที่ยายังไม่ทันออกมาสู่ตลาดโลกว่า ผลการทดลองชี้ว่ายาเม็ดของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพเหนือกว่ายาโมลนูพิราเวียร์ ของบริษัทเมอร์คแอนด์โค อิงค์ ที่ว่าช่วยลดโอกาสที่ผู้ป่วยความเสี่ยงสูงติดเชื้ออาการรุนแรงจนเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ 50% นั่นไง..ป้าบเข้าให้



ยาเม็ดของไฟเซอร์ชื่อว่า แพกซ์โลวิด (Paxlovid) อาจได้รับการอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบในช่วงสิ้นปี ในขณะที่ไฟเซอร์มีแผนยื่นผลการทดลองชั่วคราวต่อสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ก่อนวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้า

แพ็กซ์โลวิดเป็นยาต้านไวรัสชนิดเม็ดที่ถูกออกแบบมาให้ยับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส (protease) ซึ่งเชื้อไวรัสต้องใช้ในการเพิ่มจำนวน และเมื่อใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสชนิดเม็ดที่เรียกว่า "ริโทนาเวียร์" (ritonavir) ในโดสที่ต่ำ จะทำให้แพ็กซ์โลวิดอยู่ในร่างกายได้นานขึ้น ในการใช้แพ็กซ์โลวิด ผู้ป่วยต้องรับประทานยาครั้งละ 3 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผู้บริหารของไฟเซอร์แถลงข่าวอย่างชื่นมื่นว่า


 
"เป้าหมายของเราคือทุกคนในโลกจะสามารถเข้าถึงมันอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"


 
แหง๋ล่ะสิ..ยิ่งแพร่กระจายเข้าถึงทุกประเทศในโลก เท่ากับเม็ดเงินมหาศาลเข้ากระเป๋าบริษัท และหุ้นพุ่งทะยานสูงขึ้น นี่ขนาดประกาศข่าว ราคาหุ้นไฟเซอร์ยังพุ่งลิ่ว

ส่วนค่ายาขนานนี้ถูกหรือแพงกว่ายาของเมอร์คล่ะ...มาดูกัน

ผู้บริหารของไฟเซอร์ให้ข้อมูลว่า ราคาของการรักษาน่าจะพอๆ กับราคายาของเมอร์ค โดยราคาของเมอร์คที่ทำไว้กับสหรัฐฯ อยู่ที่ราวๆ 712  ดอลลาร์ (ราว 24,000 บาท) ต่อ 1 คอร์สรักษาที่ใช้เวลา 5 วัน สรุปคืออย่าป่วยเลย เพราะค่ายาแพงระยับ

อาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดลองดังกล่าวมีจำนวน 1,219 คน โดยเป็นผู้ป่วยโควิด19 ที่มีอาการไม่รุนแรงถึงปานกลาง คืออาการสีเขียวและสีเหลืองนั่นแหละ  มีความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงจากโรคโควิด 19 ซึ่งได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และการมีอายุมากกว่า 60 ปี

ผลการทดลองพบว่า หากผู้ป่วยโควิด19 ได้รับยาของไฟเซอร์ภายในเวลา 3 วันหลังมีอาการ เพียง 0.8% ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และไม่มีผู้เสียชีวิตภายใน 28 วันหลังจากที่ได้รับยา   หากได้รับยาของไฟเซอร์ภายในเวลา 5 วันหลังมีอาการ แค่  1% ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และไม่มีผู้เสียชีวิต  หากเป็นไปตามนี้จริงนับว่าประเสริฐเลิศแมนแตนมาก

ลุงโจ ไบเดนนั้นปวดกบาลกับโควิดเหลือจะกล่าว เพราะขนาดตัวเองมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี ก็ยังไม่สามารถคุมเกมได้เต็มร้อย ทั้งจากพลเมืองที่แหกปากตะโกนว่า “ร่างกายของฉัน สิทธิของฉัน”  ผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีบางเมืองที่ไม่สนใจใยดีต่อคำสั่งรัฐบาลกลาง พลเมืองที่ต่อต้านไม่ยอมฉีดวัคซีน พอบังคับฉีดก็แห่ลาออกจากงาน หรือไม่ก็ออกมาประท้วง บวกเดลต้าลามระบาด  ทั้งหมดนี้ทำให้โควิดยังขวิดไบเดนจนหมอบ

ปัญหาหลักเรื่องโควิดที่เห็นตรงๆคือตัวคนอเมริกันส่วนมากเองไม่ตระหนักสำนึกและไม่ป้องกันตัวเองเท่าที่ควร ไม่ต้องดูอื่นดูไกล  เวลาเราคนไทยไปห้างหรือเข้าร้านเปิดประตู มักจะไม่ใช้มือเปล่าเปิดประตู ต้องมีตัวช่วยเป็นใช้ทิชชู่จับบ้าง หากต้องใช้มือเปล่าก็จะทาเจลล้างมือทันที แต่อเมริกันแถวบ้านเดินไม่ใส่หน้ากากเข้าห้าง ใช้มือเปล่าเปิดประตู และไม่เคยใช้เจลล้างมือหลังจากจับประตู อจะไม่ป่วยกันเป็นล้านได้ไง

ทุกวันนี้ทำตัวเหมือนโลกนี้ไม่มีโควิดอีกต่อไปแล้ว  เห็นแล้วก็กลุ้มใจ เลยคิดว่าตราบใดที่ราคายายังแพงขนาดนี้ คงต้องขุดรูอยู่ต่อไป โดยออกไปเจอชาวโลกให้น้อยที่สุด เพราะแม้ว่าจะมียารักษาโควิด แต่อาจหัวใจวายตายได้ตอนรับใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล