͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้ 11, 2022  (อ่าน 23 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Naprapats

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14928
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้ 11, 2022

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี (10 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์จะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันมากขึ้นหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ได้ส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงถึง 1% ภายในเดือนก.ค.นี้

-- คาดตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตามตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยดัชนีฟิวเจอร์ตลาดหุ้นออสเตรเลียและฮ่องกงปรับตัวลงแล้ว

-- บริษัท ทวิตเตอร์ อิงค์ เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2564

ทั้งนี้ บริษัทมีกำไร 33 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 35 เซนต์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.57 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.58 พันล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้บริการรายวันอยู่ที่ระดับ 217 ล้านราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 218 ล้านราย

-- บริษัทเป๊ปซี่โค เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2564 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่บริษัทโคคา-โคล่ารายงานตัวเลขกำไรและรายได้ประจำไตรมาส 4/2564 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน

-- พระตำหนักแคลเรนซ์ออกแถลงการณ์ว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก

แถลงการณ์ระบุว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะทำการกักพระองค์ และจะทรงงดพระราชกรณียกิจ

ทั้งนี้ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งมีพระชนมายุ 73 พรรษา ทรงติดเชื้อโควิด-19 เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่พระองค์ทรงติดเชื้อครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2563

-- นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี รวมทั้งเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่เคยให้น้ำหนักเพียง 14%

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลกมีจำนวน 404,645,471 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 5,799,129 ราย

-- กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 40,618 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,667,554 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.2% จากระดับ 7.0% ในเดือนธ.ค.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 2.0% เมื่อคืนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 223,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 230,000 ราย

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัว

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงสูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ อังกฤษจะรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2564 เวลา 14.00 น. ตามเวลาไทย เช่นเดียวกับดุลการค้าเดือนธ.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.

ด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกน จะรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. ของสหรัฐ เวลา 22.00 น.