͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เทพไท เตือนพรก.ฉุกเฉินต้องไม่ปิดกั้นริดรอนสิทธิเสรีภาพ  (อ่าน 301 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Fern751

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15940
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีผลการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างเต็มรูปแบบแล้ว และรัฐบาลจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯทุกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์อำนวยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ตามมาตรา 6 ที่บัญญัติไว้ “ให้มีคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินคณะหนึ่ง ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ” ซึ่งจากบทบัญญัติดังกล่าวนายกรัฐมนตรี อาจจะแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง หรือตัวนายกรัฐมนตรีสามารถที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ

ศอฉ.ด้วยตนเองก็ได้ แต่ถ้าหากต้องการจะแบ่งความรับผิดชอบให้รองนายกรัฐมนตรีตามมาตรา6 ก็ควรจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว เป็นพี่ใหญ่ของกองทัพ เป็นผู้จัดการรัฐบาล เป็นผู้มีบารมีตัวจริง มีประสบการณ์ในฐานะเคยเป็นกรรมการ

ศอฉ.เมื่อปี 2553 มาก่อน สามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้ง3ท่านนี้ ก็เคยเป็นกรรมการ ศอฉ.มาก่อนทั้งสิ้น จึงไม่น่าเป็นห่วงสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการ ศอฉ.โควิด19ในครั้งนี้ แต่สถานการณ์ และเงื่อนไขของ ศอฉ.อาจจะแตกต่างกันตรงที่ ศอฉ.เมื่อปี 2553 มีหน้าที่ควบคุมสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองแต่ ศอฉ.ปี 2563 มีหน้าที่ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค 19 ซึ่งบริบทของการบริหาร ศอฉ.อาจจะแตกต่างกัน

ระหว่างเรื่องการเมืองกับเรื่องโรคภัยไข้เจ็บโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน จะต้องไม่ปิดกั้น หรือ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงความเห็นทางการเมืองที่เห็นต่างกับรัฐบาล